21 ธันวาคม 2565 เวลา 13.00 น. คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ได้มีการประชุมโดยวาระพิจารณา"คดีระบายมันสำปะหลังเเบบจีทูจี" เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา
โดยแบ่งเป็น 3 สำนวนด้วยกัน
1. สำนวนกล่าวหา"นางพรทิวา นาคาศัย" อดีตรมว.พาณิชย์เเละพวกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติ 5: 2 ยกคำร้อง (เสียงข้างน้อย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ )
2.สำนวนกล่าวหา"นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี" อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละพวกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ โดยที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติ 5: 2 ยกคำร้อง (เสียงข้างน้อย พล.ต.อ.วัชรพล ประสานราชกิจ และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ )
3.สำนวนการกล่าวหา"นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรมว.พาณิชย์เเละพวกสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในการระบายมันสำปะหลังที่ประชุม ป.ป.ช.มีมติชี้มูลความผิด "นายบุญทรง"
โดยกรณีของ"นางพรทิวา" ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเสียงข้างมาก 5 ต่อ 2 เสียง ตีตกข้อกล่าวหา เนื่องจากตามพยานหลักฐานพบเพียงความบกพร่อง ไม่พบการทุจริต นอกจากนี้"นางพรทิวา"ได้พ้นตำแหน่งไปแล้ว จึงถือว่าข้อกล่าวหาตกไป
ส่วนกรณีของ"นายไตรรงค์" ไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้รับรู้รับทราบ จึงไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา
สำหรับเสียงข้างน้อย 2 เสียง ได้แก่ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. และ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช.
อย่างไรก็ดี กรณีของ"นายบุญทรง" ที่ประชุมมีมติเอกฉันท์ ชี้มูลความผิดฐานเดียวกับคดีระบายข้าวแบบจีทูจีล็อตแรก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีซื้อขายมันเส้นจีทูจีรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ปรากฏชื่อผู้ถูกกล่าวหารวม 31 ราย ได้แก่ ผู้เจรจา ผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ผู้ลงนามในสัญญา และผู้เกี่ยวข้องกับซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
พันตรี วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
นายมนัส สร้อยพลอย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
นางปราณี ศิริพันธ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
นายสุรศักดิ์ เรียงเครือ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ
บริษัท Hainan Province Grain and oil Trading Company
Mr. Chen Houpeng ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท Hainan Province Grain and oil Trading Company
บริษัท Hainan Grain Warehousing Industrial Corporation
Mr. Xing Gucun ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท Hainan Province Grain and oil Trading Company
บริษัท Hainan Grain and Oil Industrial Trading Company
Mr. Lin Haihui ผู้มีอำนาจลงนามของบริษัท Hainan Grain and Oil Industrial Trading Company
ผู้รับมอบอำนาจ ผู้แทนนิติบุคคลของผู้รับมอบอำนาจ ผู้รับมอบอำนาจช่วงจากบริษัทที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ เจ้าของเงินที่เกี่ยวข้องกับการชำระค่ามันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผู้มีส่วนร่วมในการกระทำดังกล่าว ได้แก่
บริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด
นายชู หมิง เช็น เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด
นางสาวลิอุ ยุก หมิง ไอลีน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด
นายชู หมิง คิน เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท เอลัช (ประเทศไทย) จำกัด
นายสุธี เชื่อมไธสง
Miss Chen Yifan
บริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นางสาวอารยา กำปั่นแก้ว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นายสุมนต์ เสรีธรณกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน
นายสรัญ เสรีธรณกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นายสิรินทร์ เสรีธรณกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นายสราวุธ เสรีธรณกุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัท พี เอส ซี สตาร์ช โปรดักส์ จำกัด (มหาชน)
นางสาวเรณู รักแม่
Ms. Liang Jinmei
บริษัท เอส บี พรีเมียร์ โปรดักส์ จำกัด
นายสมบูรณ์ วัฒนวานิชย์กุล เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทเอสบี พรีเมียร์ โปรดักส์ จำกัด
นายลิตร พอใจ
บริษัทสุวรรณเกลียวทอง จำกัด
นายจักรพงศ์ ปิติพรสัมฤทธิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทสุวรรณเกลียวทอง จำกัด
นายสมคิด เอื้อนสุภา
สรุปพฤติการณ์ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าในสมัยรัฐบาล “ยิ่งลักษณ์” ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้มีการทำสัญญา ซื้อขายมันสำปะหลังและผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง จำนวนรวม 7 สัญญา ปริมาณรวม 4,790,000 ตัน จำนวนเงินรวม 30,642,500,000 บาท
อย่างไรก็ดี บริษัทที่เข้ามาทำสัญญาซื้อขายกับกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะตัวแทนของราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบหมายหรือรับมอบอำนาจจากรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน ให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยการกระทำนี้มีวัตถุประสงค์ที่จะเอื้ออำนวยหรือช่วยเหลือให้บริษัทดังกล่าวได้เป็นผู้มีสิทธิทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยมุ่งหมายหรือหลีกเลี่ยงเพื่อไม่ให้มีการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ประกอบกับการพิจารณาให้ความเห็นชอบในเรื่องของราคาที่ซื้อขาย
ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ได้ให้ความเห็นชอบในราคาตามข้อเสนอของบริษัท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าข้อเสนอของฝ่ายไทย เว้นแต่สัญญาที่ 2/2013 ซึ่งเสนอราคาเท่ากันทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน การกระทำดังกล่าวจึงก่อให้เกิดความเสียหายแก่กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ดี การชี้มูลผิดของ"ป.ป.ช." เป็นเพียงกระบวนการชั้นต้น ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดยังมีสิทธิต่อสู้คดีอีกในชั้นอัยการและชั้นศาล จึงยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด จนกว่าจะมีคำพิพากษาของศาลอันถึงที่สุด