svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

จับตา "ป.ป.ช." ชี้มูลคดี"ทุจริตมันสำปะหลัง"เผย"ครม.อภิสิทธิ์" ลุ้นยกชุด

19 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ครม.อภิสิทธ์" ลุ้นยกชุด ชี้มูลคดีทุจริตมันสำปะหลัง หากรอดหรือร่วงไปพร้อมกัน เหตุครม.ลงมติขั้นสุดท้าย เผยมีข้อสังเกต เจ้าของสำนวนดองเรื่อง

 

19 ธันวาคม 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ( ปปช.) ว่า  การประชุม ป.ป.ช. ในวันนี้ ( 19 ธันวาคม 2565 )  "พลตำรวจเอกวัชรพล ประสานราชกิจ" ประธานป.ป.ช.จะนำสำนวนการพิจารณา"คดีระบายมันสำปะหลังเเบบจีทูจี" สมัยครม.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เข้าสู่ที่ประชุมเพื่อพิจารณา

 

โดยแบ่งเป็น 3 สำนวนด้วยกัน 

1. สำนวนกล่าวหา"นางพรทิวา นาคาศัย"  อดีตรมว.พาณิชย์เเละพวก 

2.สำนวนกล่าวหา"นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี" อดีตรองนายกรัฐมนตรีเเละพวก   

3.สำนวนการกล่าวหา"นายบุญทรง เตริยาภิรมย์" อดีตรมว.พาณิชย์เเละพวกสมัยรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในการระบายมันสำปะหลังโดยเจ้าของสำนวนคดีคือ"นางสาวสุภา ปิยะจิตติ" กรรมการป.ป.ช.

 

 "พลตำรวจเอกวัชรพล ประสานราชกิจ" ประธานป.ป.ช.


รายงานข่าวจาก "ป.ป.ช."เเจ้งว่า เหตุผลเเท้จริงในการเลื่อนการพิจารณาเเละลงมติสำนวนของWนางพรทิวา"เเละ"นายไตรรงค์"เมื่อหลายวันก่อน ตามที่"พลตำรวจเอกวัชรพล" กล่าวไว้ล่าสุดว่า ผู้ที่ดูเเลสำนวนไปต่างประเทศเเละกลับมาไม่ทัน จึงต้องมาพิจารณาในวันนี้( 19 ธันวาคม 2565 ) นั้น ไม่ตรงข้อเท็จจริง 

 

เพราะไม่นานมานี้ป.ป.ช.หลายคนทักท้วงประธานป.ป.ช.เเละเจ้าของสำนวนว่า หากจะบรรจุวาระของ"นางสาวพรทิวา"เเละ"นายไตรรงค์" ให้ที่ประชุมป.ป.ช.พิจารณาเเละลงมตินั้น พบว่า หลักฐานเอกสารประกอบสำนวนหลายชุดไม่มีการเเนบไว้ในสำนวน ทำให้ที่ประชุมป.ป.ช.ขอให้เจ้าของสำนวนกลับไปเเก้ไขเเละส่งหลักฐานเอกสารมาประกอบการพิจารณาเพิ่มเติม

 

แหล่งข่าวจาก "ป.ป.ช." กล่าวว่า พบว่าการพิจารณาของเจ้าของสำนวนยังตีความไม่สอดรับข้อเท็จจริงในประเด็นอำนาจหน้าที่ของรองนายกฯ , รมว.พาณิชย์ในเรื่องนี้ว่าต้องรับผิดชอบทั้งหมดหากตีความเเบบนี้ น่าจะบิดเบือนมติครม.ที่ออกไว้ก่อนหน้านั้น

 

นายไตรรงค์  สุวรรณคิรี  ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีในรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์

 

นอกจากนั้น สำนวนการกล่าวหา"นายไตรรงค์"นั้น  "ครม.นายอภิสิทธิ์" ได้ให้ความเห็นชอบมติครม.ปี 2552 วาระการรับจำนำมันสำปะหลัง ฤดูกาลผลิตปี2551/52 คือเดือนพฤศจิกายน2551-เดือนธันวาคม 2552 จำนวน 5 ล้านตัน ขยายเวลาโครงการในเดือนธันวาคม 2552 เเละปิดโครงการปี 2554 โดยเพิ่มจำนวนอีก 5  ล้านตัน (เเปรสภาพจากมันสำปะหลังเป็นมันเส้นเเละเเป้งมัน)

 

อภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  อดีตนายกรัฐมนตรี

 

ทั้งนี้ "ครม.ชุดนายอภิสิทธิ์" ได้แต่งตั้งกรรมการชุดต่างๆ คือ

1.คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังที่มีรองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน(นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ, นายไตรรงค์)

2.คณะอนุกรรมการด้านการตลาดมันสำปะหลังท่ีมีรมว.พาณิชย์ เป็นประธาน(นางพรทิวา)

3.คณะทำงานด้านยุทธศาสตร์การระบายมันสำปะหลังเเละดำเนินการระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน โดยอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศจะมีความอิสระในดำเนินการตามยุทธศาสตร์จากรองนายกฯ,รมว.พาณิชย์ที่รวมถึงการเจรจาเเบบจีทูจีด้วย

 

 

"ทั้งสามคณะนั้นมีหน้าที่ดำเนินการกลั่นกรองเเละขออนุมัติตามลำดับชั้น โดยการดำเนินการทั้งหมดนั้นครม.จะเป็นผู้ตัดสินในขั้นสุดท้าย โดยเป็นอำนาจของครม. เองทั้งหมด " รายงานข่าวระบุ


"พบว่า การระบายมันสำปะหลัง 8 ครั้ง โดย 7 ครั้งเเรกมีการออกประกาศเชิญชวนเป็นการทั่วไปเพื่อการส่งออกเท่านั้น เเต่ครั้งที่8 มีการขอยกเลิก เเต่ให้ขายเเบบจึทูจี โดยการขายครั้งนี้ทำให้เกิดการขายเเบบจีทูจีเเละขายในประเทศเพราะตอนนั้นอาหารเลี้ยงสัตว์ราคาเเพง 


เเละพบความผิดปกติว่าก่อนหน้านี้มีการขายเเบบจีทูจีสองครั้งคือ 1.ขายให้Guangxi Mingyang Science&Technology เเต่ไม่มีการเเจ้งในสำนวนการสอบสวนครั้งนี้  2.ขายให้Guangdong Guanxin Trade Development co,ltd.เเต่ยกเลิกสัญญาเพราะไม่มาทำสัญญา


ตรงนี้ผิดปกติเพราะก่อนหน้านี้เเปลว่ามีการขายเเบบจีทูจีสองครั้งเเต่ไม่บรรจุไว้ในรายงานต่อป.ป.ช.เเละมีผลการสอบสวนเจ้าหน้าที่บางคนของกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นพยานให้การว่าร่างสัญญาซื้อขาย 3 สัญญาเเบบจีทูจีไม่มีการลงระบบสารบรรณ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศในตอนนั้น( นายมนัส สร้อยพลอย) สั่งให้ร่างสัญญาหนังสือเสนอ ซื้อเเบบไม่มีเอกสารยืนยันประกอบ  เเม้จะมีตัวเเทนรัฐบาลจีนที่มาลงนามสัญญาจีทูจี 3  ฉบับที่กรมการค้าต่างประเทศก็ตาม พบว่าสองบริษัทในคู่สัญญามีการส่งออกจริงเเต่ยังมีการส่งออกไปบริษัทอื่นอีกด้วย เเปลว่าขั้นตอนที่อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศดำเนินการมีการทุจริตเองตั้งเเต่ต้น โดยลำดับชั้นอื่นๆไม่อาจทราบได้"

 

เอกสารเหล่านี้ พบว่า "นายมนัส" เเละข้าราชการบางคนในกระทรวงพาณิชย์ในเวลานั้นที่ใกล้ชิดเจ้าหน้าที่ระดับสูงของป.ป.ช.บางคนดำเนินการจัดทำเองรวมทั้งยังไปชี้เเจงรายละเอียดต่อครม.เพื่อขอความเห็นชอบ โดยรองนายกฯ,รมว.พาณิชย์ทำหน้าที่รายงานเพื่อเสนอวาระต่อครม.เท่านั้น เพราะอำนาจการอนุมัตินั้น มติครม.ระบุว่าต้องให้ครม.อนุมัติเท่านั้น "

 

รายงานข่าว  กล่าวว่า "เเปลว่าการเสนอขออนุมัติต่างๆรายงานตามลำดับขึ้นมาจากลำดับที่สาม(คณะทำงานกระทรวงพาณิชย์) สู่ลำดับที่สอง(รมว.พาณิชย์)เเละลำดับที่หนึ่ง(รองนายกฯ) จึงเสนอครม.เเบบถูกต้อง หากมองว่าลำดับที่สองเเละลำดับที่หนึ่งผิด ครม.ในตอนนั้นต้องร่วมรับผิดทั้งคณะเพราะเป็นผู้อนุม้ติในชั้นสุดท้ายเเละยังพบว่าไม่มีการพาดพิงเส้นทางการเงินที่ให้ผลประโยชน์กับนายไตรรงค์,นางพรทิวา"

 

พรทิวา นาคาศัย  อดีตรมว.พาณิชย์ สมัยครม.อภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ

 

รายงานข่าวเเจ้งว่า  ส่วนสำนวนการกล่าวหา"นางพรทิวา" พบว่ามีการกล่าวหาว่า รมว.พาณิชย์ในตอนนั้นขายมันสำปะหลังให้คนในประเทศบางกลุ่มเเบบล็อกสเปค(อ้างถึงผู้ประกอบการเลี้ยงสัตว์ที่ใกล้ชิดนางพรทิวาเพราะตอนนั้นอาหารสัตว์ราคาเเพง)เเละกีดกันคนอื่นหรือไม่ โดยรองนายกฯที่ดูเเลเรื่องนี้ในตอนนั้นคือ "นายกอร์ปศักดิ์"ระบุว่าหากจะขายให้เฉพาะเเบบกลุ่มต้องขอมติครม.เเละ"นายไตรรงค์" ระบุว่า อาหารสัตว์ในประเทศตอนนั้นขึ้นราคา กระทรวงพาณิชย์ต้องช่วยแก้ไขเรื่องนี้ เเละที่ผ่านมาดำเนินการตามลำดับชั้นเหมือนกรณีข้างต้นก่อนคือเสนอครม.ให้อนุมัติโดยตอนนั้น"นายไตรรงค์"ย้ำว่า ไม่มีการล็อกสเปค 

 

"โดยมีการขออนุมัติการขายมันสำปะหลังต่อครม. 3 ราย โดย ครม.อนุมัติขาย1รายเเละ  2 รายให้ต่อรองราคาใหม่จนได้ราคาสูงขึ้น เเม้ผู้ซื้อในครั้งนั้น จะพบว่าใกล้ชิดที่ปรึกษารมว.พาณิชย์(นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา)ก็ตาม เเต่เมื่อเสนอราคาใหม่เข้ามาตรงนี้จึงดำเนินการตามระเบียบถูกต้อง เเละผลสอบสวนพบว่า"นางบุญยิ่ง" ไปทำงานที่กระทรวงพาณิชย์เดือนละสองครั้งจึงเชื่อมโยงยากว่ากรณีนี่นางพรทิวา เกี่ยวข้องเเละสั่งการ"  รายงานข่าว กล่าว


"กรณี"นางพรทิวา" พยานบางคนยืนยันว่าคนเเวดล้อมทางการเมืองหลายคนของ"นางพรทิวา"อยู่เบื้องหลังเเละสั่งการในเรื่องนี้ เเต่ไม่พบความเชื่อมโยงทางการเงินมาสู่นางพรทิวารวมทั้งคนเเวดล้อมนางพรทิวาที่ถูกกล่าวอ้างนั้นไม่มีการยืนยันว่า นางพรทิวาสั่งการเรื่องนึ้ ดังนั้นกรณีนี้ นายมนัส,นางบุญยิ่งเเละเครือข่ายน่าจะมีความผิด"

 

"ดังนั้นกรณีนายไตรรงค์เเละนางพรทิวานั้นหากจะรับผิดตามคำชี้มูลของปปช. ครม.ชุดนายอภิสิทธื์ต้องร่วมรับผิดด้วย


เป็นที่น่าสังเกตว่า สำนวนนี้ที่ "นางสาวสุภา"ดูเเลนั้นมีข้อบกพร่อง โดย"นางสาวสุภา"เคยยอมรับกับสื่อมวลชนในเวลาที่ผ่านมาว่า "นางสาวสุภา"โดนฟ้องหลายคดี ตรงนี้เเสดงว่าการพิจารณาสำนวนคดีของ"นางสาวสุภา"อาจไม่รอบคอบเท่าที่ควร"แหล่งข่าว กล่าว

 

อนึ่ง"ครม.นายอภิสิทธิ์"ที่มีบทบาททางการเมืองวันนี้ เช่น พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(อดีตรมว.กลาโหม) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯเเละรมว.พาณิชย์(อดีตรมว.สาธารณสุข) นายจุติ  ไกรกฤษ์ รมว.พัฒนาสังคมฯ(อดีตรมว.ไอซีที) นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ(อดีตรมว.เเรงงาน) นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษานายกฯ(อดีตรองนายกฯ) นายพีระพันธุ์ สารีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกฯ(อดีตรมว.ยุติธรรม) นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตยเเละนายองอาจ  คล้ามไพบูลย์ ส.ส.พรรคปตะชาธิปัตย์(อดีตรมต.สำนักนายกฯ)นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เเกนนำพรรคชาติพัฒนากล้า(อดีตรองนายกฯ)นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า(อดีตรมว.คลัง)นางพรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส.สุโขทัย พรรคพลังประชารัฐ(อดีตรมช.สาธารณสุข)นายถาวร เสนเนียม เเกนนำพรรคไทยภักดี(อดีตรมช.มหาดไทย)

 

รายงานข่าว เเจ้งว่า ส่วนสำนวนเรื่องข้าวนายบุญทรงภาค 2 ก็จะเข้าพิจารณา ในครั้งนี้เเละรอผลการตัดสินของ ป.ป.ช. จะออกมารูปแบบใด

logoline