เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 65 "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้การต้อนรับ"ผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค"ที่เข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ ครั้งที่ 29 ณ ชั้น G ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
สำหรับกำหนด"การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจ APEC" ครั้งที่ 29 อย่างไม่เป็นทางการช่วงที่ 1 การเติบโตอย่างสมดุลครอบคลุมและยั่งยืน
11.15 – 12.30 น. : การหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างผู้นำกับแขกของประธาน
13.00 – 14.30 น. : งานเลี้ยงอาหารกลางวันระหว่างผู้นำกับแขกของประธานเพื่อเจรจาทํางาน
14.45 – 15.45 น. : การหารือระหว่างผู้นำกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจ APEC
17.30 : การเข้าเฝ้าฯพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
ทั้งนี้ในวันศุกร์ที่ 18 พ.ย.65 ยังมีกำหนดการของคู่สมรสของผู้นำเขตเศรษฐกิจ โดยเวลา 08.00 – 14.00 น. จะเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ศิลป์แผ่นดิน ตำบลเกาะเกิด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ขณะที่ เมื่อวันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา ในการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 33 จบลงแล้วในวันนี้ด้วยความสำเร็จ โดยที่ประชุมได้ร่วมกันหารือแนวทางความร่วมมือระหว่างเขตเศรษฐกิจเอเปคเพื่อตอบโจทย์ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกเผชิญอยู่ในปัจจุบัน พร้อมถอดบทเรียนผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อมุ่งหน้าขับเคลื่อนการฟื้นฟูเศรษฐกิจและส่งเสริมการเติบโตในระยะยาวที่สมดุล ยั่งยืน และครอบคลุม พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง โดยมีแนวคิดเศรษฐกิจ BCG เป็นหัวใจหลัก
"นายดอน ปรมัตถ์วินัย" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ"นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานร่วมการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ซึ่งเป็นเวทีที่รัฐมนตรีด้านการต่างประเทศและรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจของแต่ละเขตเศรษฐกิจมาหารือร่วมกันเพื่อสรุปผลงานสำคัญจากการขับเคลื่อนกระบวนการเอเปคตลอดทั้งปี และให้ข้อเสนอแนะต่อที่ประชุมผู้นำ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานของเอเปคต่อไป ถือเป็นความโดดเด่นของเวทีเอเปคที่สะท้อนความสำคัญของประเด็นการค้าการลงทุนและการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อขับเคลื่อนวาระสำคัญของภูมิภาค
ประเด็นหารือที่สำคัญของการประชุม สะท้อนหัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” โดยที่ประชุมได้หารือแนวทางส่งเสริมการค้าการลงทุนที่ยั่งยืนและเปิดกว้างเพื่อให้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกยังคงมีพลวัตและคงความสำคัญท่ามกลางความท้าทายใหม่ ๆ และได้ถอดบทเรียนจากโควิด-19 เพื่อกำหนดนโยบายสาธารณสุขและแนวทางการรับมือกับวิกฤตการณ์ในอนาคต โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาส่งเสริมความเชื่อมโยงในภูมิภาคที่สะดวกและปลอดภัย รวมทั้งนำแนวคิดโมเดลเศรษฐกิจ BCG มาเป็นตัวเร่งการเปลี่ยนผ่านไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจและเติบโตระยะยาวอย่างสมดุล สร้างผลกำไรควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนซึ่งรวมถึงธุรกิจทุกขนาด ตลอดจนประชาชนทุกคน
ทั้งนี้ ที่ประชุมยังได้รับฟังมุมมองผ่านคลิปวิดีทัศน์จากผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก และเลขาธิการใหญ่องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา ซึ่ง ในประเด็นการค้าการลงทุน ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคระบาด และการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืน ตามลำดับ
ผลงานที่โดดเด่นของการประชุมครั้งนี้ คือ การที่รัฐมนตรีเอเปคเห็นชอบร่วมกันให้เสนอร่างเป้าหมายกรุงเทพฯ ว่าด้วยเศรษฐกิจ BCG ให้ที่ประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปครับรอง ซึ่งจะเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนการทำงานเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนในเอเปคอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ถือเป็นความสำเร็จที่จะเป็นภาพจำสำคัญที่สุดของการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในครั้งนี้ นอกจากนี้ ไทยยังได้จัดตั้งรางวัล BCG เพื่อมอบให้แก่บุคคลและหน่วยงานที่นำแนวคิด BCG มาใช้ในการดำเนินชีวิตและประกอบธุรกิจ
ความสำเร็จของการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ 33 นี้เป็นการปูทางไปสู่การประชุมผู้นำเอเปคที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันที่ 18 – 19 พฤศจิกายน 2565 ซึ่งจะถือเป็นบทสรุปการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยก่อนส่งไม้ต่อให้สหรัฐฯ ในฐานะเจ้าภาพเอเปค 2023 ต่อไป