10 พฤศจิกายน 2565 "นายนิพนธ์ บุญญามณี" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงกรณีที่มีกระแสข่าว "น.ส.รังสิมา รอดรัศมี" ส.ส.สมุทรสงคราม เตรียมย้ายพรรค ว่า ไม่ขอแสดงความเห็นอะไรในความคิดของแต่ละคน ว่าใครคิดจะอยู่กับหรือไปจากพรรค แต่ที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ก็ดูแลทุกคน ให้ความสำคัญกับทุกคนที่อยู่ในพรรค การที่จะไปอยู่พรรคอื่น เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลที่ตัดสินใจ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์คิดว่าวันนี้ (10พ.ย.) ทำดีที่สุดแล้ว
"ผมยืนยันได้ว่า พรรคให้โอกาสกับคนทุกคน เหตุการณ์นี้เราเคยประสบมาแล้ว แม้ว่าจะมีพรรคบางพรรคที่จ้องพยายามที่จะนำเอาคนในพรรคประชาธิปัตย์ไป เพื่อทำให้พรรคดูไม่มีความมั่นคงและอ่อนแอ คิดว่าเขาจ้องจะทำลายพรรคประชาธิปัตย์อยู่แล้ว ซึ่งเชื่อว่าเราจะผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้แน่นอน เรื่องนี้ก็เป็นบทพิสูจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ในวันข้างหน้า และเป็นอีกบทพิสูจน์หนึ่งที่ให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นสถาบันทางการเมืองที่ย่างเข้าสู่ปีที่ 77 พรรคไม่ได้ฝากอนาคตไว้กับคนใดคนหนึ่ง เมื่อคนรุ่นนี้จากไปคนรุ่นใหม่ก็เกิดขึ้น พรรคก็จะมีพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่มากขึ้น ถือเป็นการถ่ายเลือดครั้งใหญ่อีกครั้งของพรรค ถ้าเกิดขึ้นตามข่าว" นายนิพนธ์ กล่าว
ทั้งนี้ ตนไม่ประสงค์ให้เรื่องนี้เกิดขึ้นในเวลาอย่างนี้ พรรคต้องการทุกคนช่วยกันสร้างกอบกู้พรรคจากวิกฤตินี้ ใครที่คิดไม่ดีกับพรรคจะเป็นบทพิสูจน์ในวันข้างหน้า อยากเห็นทุกคนมีความมั่นคงกับพรรค วันนี้พรรคเดินไปข้างหน้าถูกทิศถูกทางแล้ว เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามานำพาพรรคให้มีบทบาทมากขึ้น พรรคจะไม่กังวลกับเรื่องนี้
"เราเตรียมคนพร้อมสำหรับเข้าสู่การเลือกตั้งแน่นอน ไม่มีอุปสรรคใดๆมาขวางการเดินไปข้างหน้า แผนที่วางไว้ก็เดินไปถึงให้ได้ คิดว่าเวลาอย่างนี้ทุกคนต้องร่วมมือร่วมใจกัน คาดว่ากรณี น.ส.รังสิมา จะไม่เป็นจริง หวังว่าทุกคนยังเป็นกำลังของพรรคที่เน้นเดินไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง" รองหัวหน้าพรรค กล่าว
ส่วน "น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล" ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีกระแสข่าวว่า จะย้ายไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ส่วนตัวยังไม่ทราบรายละเอียด ทราบจากข่าว เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่ง น.ส.พิมพ์ภัทรา และ น.ส.รังสิมา ได้มีการพูดคุยกับตนอยู่ ซึ่งทั้ง 2 คน ก็เป็นผู้อาวุโสแล้วในการเป็น ส.ส. 4-5 สมัย ไม่ใช่เรื่องธรรมดาแล้ว และพรรคเองเห็นว่า การคงอยู่ของพรรคเป็นเรื่องใหญ่กว่าการคงอยู่ของตัวบุคคล บุคคลจากไปได้ แต่พรรคต้องรักษาไว้ และเชื่อว่าคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาแบกรับภารกิจนี้ได้ พรรคเคยผ่านวิกฤติแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว มองว่าคนที่ออกจากพรรคประชาธิปัตย์ไปตั้งพรรคใหม่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จแม้แต่คนเดียว
สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นจะส่งผลกระทบภายในพื้นที่ของภาคใต้ อาทิ จ.นครศรีธรรมราช หรือไม่ เป็นเรื่องที่ผู้บริหารพรรคจะต้องไปเตรียมตัวบุคคลที่จะมาลงทดแทนในพื้นที่ เชื่อว่าจะมีคนทดแทนในพื้นที่ ถ้าหากว่าข่าวที่ออกมาเป็นเรื่องจริง และทุกครั้งที่มีคนออกจากพรรค เมื่อถึงเวลาประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินทุกครั้ง
"กระแสเลือดไหลออกไม่หยุด เรามีการจับตาเรื่องนี้มาตลอด ยอมรับไม่อยากให้เกิดขึ้น และเสียใจที่มีคนออกไป แต่ไม่เสียดาย ซึ่งเราก็ต้องมีแผนเตรียมรองรับสถานการณ์ไว้ ที่สำคัญที่สุดพรรคประชาธิปัตย์ต้องเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคง ไม่มาติดกับดักอยู่กับคนนั้น คนนี้ลาออก ท่ามกลางกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างนี้ เมื่อคนอยู่ล้มลง ต้องมีคนใหม่มาแทนที่แบกภาระกิจของพรรคต่อไป" นายนิพนธ์ ระบุ