11 กันยายน 2565 จากกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้ออกมาวิพากษ์นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า “ฝนตก ชัชชาติโดนวางงาน” โดยระบุว่า ระยะเวลา 3 เดือนประเมินผลการทำงานของท่านผู้ว่าชัชชาติ หน้าฝน (คลิกอ่านรายละเอียด) และยังมีกระแสสื่อสังคมออนไลน์ที่ได้เขียนจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ตนเองและคณะทำงานลาออก สืบเนื่องจากการทำงาน 100 วันไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาน้ำท่วม
ล่าสุดที่สำนักงานเขตบางเขน นายชัชชาติ ได้ชี้แจงถึงกรณีดังกล่าวว่า ไม่เป็นไร ข้อติก็ต้องเอามาปรับปรุง แต่เชื่อว่าเราทำเต็มที่ และเรื่องน้ำท่วมตนเองคิดว่าก็ทำได้ดี อย่างเมื่อคืนนี้สุขุมวิท 77 น้ำท่วมทั้งซอย แต่สุดท้ายถนนหลักๆก็แห้ง หากไม่ติดเงื่อนไขทางกายภาพ ซึ่งการลอกท่อเส้นเลือดฝอยต่างๆก็ทำได้เร็วหลายจุดแล้ว ฉะนั้นก็มีทั้งข้อดีและข้อจำกัด แต่ตนเองน้อมรับทุกความเห็นและจะนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ โพสต์ ข้อความ ตั้งข้อสังเกตว่า น้ำท่วม กทม.อาจจะเป็นการวางยาทีมผู้บริหารนั้น เชื่อว่า ข้าราชการทุกคนทำงานเต็มที่ ฉะนั้นขอให้คิดแง่บวกว่า ทุกคนอยากทำงานให้ประชาชน แต่อาจมีเงื่อนไขจำกัด เช่น เขตบางเขนมีเครื่องสูบน้ำ 8 เครื่อง ซึ่งก็ต้องเพิ่มกำลังและประสิทธิภาพในการช่วยประชาชน พร้อมย้ำว่า ไม่มีการวางยาและขอให้คิดแง่บวกว่า ทุกคนอยากทำงานร่วมกันในข้อที่ดี และขอบคุณที่แนะนำมุมมองที่ไม่เคยคิด ซึ่งอะไรปรับปรุงได้ก็ทำ
“พร้อมยอมรับว่า เรื่องโยกย้ายอาจจะมีคนผิดหวัง แต่ตนเองเชื่อว่า ไม่มีผลอะไรที่ทำให้เกิดผลลบได้ เพราะข้าราชการส่วนใหญ่อยากทำงานอยู่แล้ว และทุกคนก็คิดถึงอนาคตอีกไกล ซึ่งตอนนี้ไม่เห็นปัญหาอะไร”
ส่วนกรณีที่ นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า เปิดเผยว่า พบความผิดปกติในงบประมาณกรุงเทพมหานคร ปี 2566 ของเขตจตุจักร ที่ตัดงบโครงการโยธาทางระบายน้ำ แล้วเปลี่ยนเป็นโครงการพาคนไปเที่ยวสัมมนาสูงถึง 9,783,300 บาทนั้น (อ่านรายละเอียดที่นี่)
นายชัชชาติ ชี้แจงว่า เรื่องตัดงบการบริหารน้ำ ตนเองคิดว่าไม่น่าใช่ แต่เรื่องงบสัมนาก็ต้องควบคุมการใช้ โดยตนได้สั่งการให้ น.ส. ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าฯ เข้าไปดูแล้ว ซึ่งโครงการพัฒนาศักยภาพ ซึ่งตนได้สั่งการไปแล้ว ต้องเอาให้คุ้มค่าเงิน ไม่ได้ให้ไปเที่ยว แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ ซึ่งงบนี้ผ่านการพิจารณาจากสภากทม.มาแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องตรวจสอบ