
31 มกราคม 2568 ความคืบหน้ากรณีเครื่องบิน บอมบาร์เดียร์ ซีอาร์เจ 700 (Bombardier CRJ700) ของพีเอสเอแอร์ไลน์ (PSA Airlines) ที่ให้บริการแก่อเมริกัน แอร์ไลน์ส ในเที่ยวบินที่ 5342 ชนกับเฮลิคอปเตอร์ ซิกอร์สกี เอช-60 แบล็ค ฮอว์ค (Sikorsky H-60 Black Hawk) กลางอากาศ ขณะกำลังลงจอด ที่สนามบินเรแกน วอชิงตัน เนชันแนล ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ก่อนตกลงไปในแม่น้ำโพโตแมค ที่คาดว่าจะไม่มีผู้รอดชีวิต และล่าสุด พบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 40 ราย
นักประดาน้ำได้กู้กล่องดำของเครื่องบินซีอาร์เจ 700 ขึ้นมาได้แล้ว 1 กล่อง แต่ไม่แน่ชัดว่า เป็นกล่องบันทึกเสียงนักบิน หรือกล่องบันทึกข้อมูลการบิน แต่มีข้อมูลเสียงจากหอบังคับการบินว่า เจ้าหน้าที่ได้ถามนักบินเฮลิคอปเตอร์ (รหัส PAT25) ว่าเห็นเครื่องบิน (รหัส CRJ) หรือไม่ ขณะที่นักบินของเครื่องบิน ก็ได้รับการแจ้งให้บินเป็นวงกลมเพื่อเปลี่ยนไปลงจอดที่รันเวย์ที่ 33 ซึ่งเป็นรันเวย์ตัดกัน (intersecting runway)
การใช้รันเวย์ตัดกัน ก่อให้เกิดคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ เพราะสำนักงานบริหารการบินของสหรัฐฯ หรือ FAA ได้พยายามที่จะยกเลิก หรือปิดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เช่น ที่ชิคาโกและดัลลัส เพราะความกังวลเกี่ยวกับความแออัดในพื้นที่ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีปัญหาขาดแคลนบุคคลากรที่หอบังคับการบินของสนามบินเรแกน โดยมีเจ้าหน้าที่เพียง 19 คน ทั้งที่โควต้าที่ตั้งเป้าไว้เมื่อปี 2566 อยู่ที่ 30 คน
เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการสืบสวนหาสาเหตุ เปิดเผยว่า เครื่องบินได้เดินทางมาจากเมืองวิชิตา รัฐแคนซัส พร้อมผู้โดยสาร 60 คน ลูกเรือ 4 คน ส่วนเฮลิคอปเตอร์กำลังอยู่ระหว่างทำการฝึกของทหาร 3 นาย
วอชิงตัน โพสต์ รายงานว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เฮลิคอปเตอร์เป็นอันตรายต่อเครื่องบินโดยสาร ในสนามบินที่คับคั่ง โดยเมื่อวันที่ 23 มกราคม นักบินของเครื่องบินโดยสารที่เดินทางมาจากเมืองชาร์ลอตต์ ได้แจ้งผู้โดยสารว่า จำเป็นต้องบินเป็นวงกลม เพราะมีเฮลิคอปเตอร์อยู่ในเส้นทางลงจอด
การฝึกบ่อยครั้งของเฮลิคอปเตอร์ และการมีเที่ยวบินขึ้นลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ FAA ต้องเพิ่มบุคลากรในการสื่อสารกับเฮลิคอปเตอร์ที่หอบังคับการบินด้วย แต่ด้วยเพราะวิกฤตขาดแคลนบุคลากร ทำให้วันเกิดเหตุ มีเจ้าหน้าที่ทำงานเพียงคนเดียว และต้องรับมือกับทั้งเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ ซึ่งเป็นการทำงาน 2 ตำแหน่งในเวลาเดียวกัน