สมาชิก "คณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงของจดหมายข่าวนักวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์" (Bulletin of the Atomic Scientists) ซึ่งดูแล นาฬิกาบอก "หายนะวันสิ้นโลก" (Doomsday Clock) ได้ปรับเวลาใหม่ไว้ที่ "90 วินาที ก่อนเที่ยงคืน" อันเป็นสัญญาณถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อการเอาชีวิตรอดของมนุษยชาติจาก "เงาของนิวเคลียร์" อันเนื่องมาจากวิกฤตความขัดแย้งในยูเครนและวิกฤตสภาพอากาศที่ทวีความรุนแรงขึ้น
Doomsday Clock เป็น "นาฬิกาเชิงสัญลักษณ์" ที่คอยย้ำเตือนถึงมหันตภัยที่อาจเกิดขึ้น เป็นมาตรวัดที่บ่งชี้ถึงการเข้าใกล้ "ระดับมหันตภัยของโลก" (Global Catastrophe) ที่ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่อาจทำลายหรือสร้างความเสียหายให้แก่อารยธรรมในปัจจุบัน หรือร้ายแรงถึงขั้นทำให้มนุษย์สูญพันธุ์ โดยถ้าโลกตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เสี่ยงเวลาก็จะถูกบวกเพิ่ม แต่ถ้าสถานการณ์คลี่คลายได้เวลาก็จะถูกลบออก
เดิม Doomsday Clock ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของสงครามนิวเคลียร์ทั่วโลก โดยติดตั้งไว้ที่สำนักงานจดหมายข่าวฯ ของมหาวิทยาลัยชิคาโกเมื่อปี 2490 โดยมีสมาชิกคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงฯ เป็นผู้ดูแล และ Doomsday Clock มีจุดสิ้นสุดที่เวลาเที่ยงคืน (00.00) และถ้าเมื่อใดก็ตามที่เข็มชี้ไปที่เวลาเที่ยงคืน ย่อมหมายถึงว่า "วันโลกาวินาศ" ได้มาถึงแล้ว
แนวคิดในการสร้าง Doomsday Clock เกิดขึ้นหลังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งทั่วโลกได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของ "ระเบิดนิวเคลียร์" พอสงครามสิ้นสุด ทางสมาชิกคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงฯ กับคณะกรรมการผู้ได้รับรางวัลโนเบล 18 คน ได้เห็นพ้องต้องกันว่าควรมี "สัญลักษณ์บางอย่างที่บ่งบอกถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นจากระเบิดนิวเคลียร์และจุดจบของมนุษย์" จากการที่แต่ละประเทศ ต่างก็อยากจะมีอาวุธนิวเคลียร์ไว้ในครอบครอง พอมาถึงปี 2550 ได้เกิดความวิตกถึงมหันตภัยต่าง ๆ ที่อาจเกิดกับมวลมนุษยชาติ เช่น การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จึงถูกเพิ่มเข้ามาเป็น "ปัจจัย" ในการเพิ่มเวลาบน Doomsday Clock นอกเหนือจากระเบิดนิวเคลียร์
ในแต่ละปีคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงฯ รวมทั้งคณะกรรมการผู้ได้รับรางวัลโนเบล 10 คน จะคอยพิจารณาและขยับเข็มนาฬิกา ซึ่งการปรับเวลาล่าสุดไว้ที่ 90 วินาที ก่อนเที่ยงคืนล่าสุดนี้ เป็นครั้งแรกที่เข้าใกล้เที่ยงคืนมากที่สุด นับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2563 ซึ่งตอนนั้นตั้งไว้ที่เหลืออีก 100 วินาทีก่อนเที่ยงคืน โดยแถลงการณ์ระบุว่า การปรับเข็มนาฬิกาให้เร็วขึ้น 10 วินาทีในปีนี้ ไม่ใช่แค่การรุกรานยูเครนของรัสเซีย แต่ยังมีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการขยายไปสู่การใช้อาวุธนิวเคลียร์ด้วย
คำขู่ที่คลุมเครือเล็กน้อยของรัสเซียที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ เตือนให้โลกได้รู้ถึงความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้น ไม่ว่าจะโดยบังเอิญหรือตั้งใจหรือคำนวณผิดพลาดก็ถือเป็นความเสี่ยงที่เลวร้าย และระบุด้วยว่าความเป็นไปได้ที่ความขัดแย้งจะหลุดออกจากการควบคุมของใครก็ตามก็ยังคงมีสูงอยู่
เวลาที่ปรับใหม่ยังได้รับอิทธิพลจากภัยคุกคามอย่างต่อเนื่อง ที่เกิดจากวิกฤตสภาพอากาศและการแตกสลายของบรรทัดฐานกับสถาบันต่าง ๆ ของโลก ที่จำเป็นต่อการลดความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและภัยคุกคามทางชีวภาพ เช่น โควิด-19
ราเชล บรอนสัน ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของคณะกรรมการวิทยาศาสตร์และความมั่นคงฯ กล่าวว่า
"เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งอันตรายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเวลาของ Doomsday Clock ก็สะท้อนถึงความจริงนั้นแล้ว... 90 วินาทีก่อนถึงเที่ยงคืน เป็นเวลาที่ใกล้เคียงที่สุดที่นาฬิกาเคยตั้งไว้ และเป็นการตัดสินใจที่ผู้เชี่ยวชาญของเราไม่ละเลย"
เธอบอกด้วยว่า
"รัฐบาลสหรัฐฯ กับพันธมิตรองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) มีช่องทางมากมายในการเจรจา เราเรียกร้องให้บรรดาผู้นำสำรวจความสามารถที่มีอยู่ทั้งหมด เพื่อจะได้ย้อนเข็มนาฬิกากลับไป"
เหตุการณ์สำคัญที่มีการขยับเข็มนาฬิกา Doomsday Clock ที่มีนัยสำคัญ