ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พบหารือแบบทวิภาคีแบบตัวต่อตัวด้วยกันครั้งแรกที่บาหลีของอินโดนีเซียในวันจันทร์ นับตั้งแต่ไบเดนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นครั้งแรกที่ผู้นำจีนปรากฏตัวในการพบปะผู้นำระดับโลกครั้งใหญ่ที่สุดเป็นเวทีแรกนับจากการระบาดของโควิด-19
ผู้นำทั้งสองพบปะกันก่อนที่จะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่ม จี20 ที่บาหลีช่วงวันที่ 15-16 พ.ย. ในขณะที่มีความขัดแย้งอย่างหนักระหว่างสหรัฐฯ กับจีนและรัสเซีย และอาจกระทบต่อความร่วมมือในการแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจ
ไบเดน กล่าวเปิดการหารือว่า ในฐานะผู้นำของสองประเทศยักษ์ใหญ่มีความรับผิดชอบที่จะแสดงให้เห็นว่า ทั้งสหรัฐฯ และจีน สามารถจัดการความเห็นต่าง ป้องกันไม่ให้การแข่งขันนำไปสู่สิ่งที่ใกล้เคียงความขัดแย้ง และหาทางทำงานร่วมกันในประเด็นโลกที่เร่งด่วนและต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างกัน
นอกจากนี้ สี กล่าวว่า ปัจจุบันความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ อยู่ในสถานการณ์ที่น่ากังวลเพราะไม่ได้ส่งผลดีต่อผลประโยชน์ขั้นพื้นฐานของสองประเทศและประชาชน และไม่ใช่สิ่งที่ประชาคมโลกคาดหวัง รวมทั้งบอกว่า จำเป็นต้องดำเนินความสัมพันธ์สู่ทิศทางที่ถูกต้องและยกระดับมากขึ้น
ผู้นำจีน บอกด้วยว่า โลกคาดหวังว่า จีนและสหรัฐฯ จะจัดการความสัมพันธ์อย่างเหมาะสม และการพบหารือกันครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั่วโลก จึงจำเป็นต้องทำงานกับทุกประเทศเพื่อเพิ่มความหวังแก่สันติภาพโลก เพิ่มความมั่นใจมากขึ้นต่อเสถียรภาพของโลก และสร้างแรงขับเคลื่อนที่เข้มแข็งให้กับการพัฒนาร่วมกัน
นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า พร้อมทำอย่างที่เป็นมาตลอดในการเจรจาแลกเปลี่ยนทัศนะอย่างตรงไปตรงมาและลึกซึ้งกับผู้นำสหรัฐฯ
การพบปะทวิภาคีแบบตัวต่อตัวของทั้งสองคนเป็นสิ่งที่รอคอยมานานเกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ไบเดนรับตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ และมีขึ้นท่ามกลางปัญหาท้าทายของโลก ตั้งแต่ รัสเซียทำสงครามในยูเครน การระบาดของโควิด-19 และปัญหาโลกร้อน แต่มีความคาดหวังน้อยมากสำหรับผลลัพธ์จากการพบะปะ เพราะนอกจากบรรยากาศการแข่งขันที่สูงมาก ทั้งสองประเทศยังมีความขัดแย้งในเรื่องใหญ่ ๆ เกือบทุกเรื่อง เช่น ไต้หวัน สงครามในยูเครน เกาหลีเหนือ การถ่ายโอนเทคโนโลยี และระเบียบโลก
เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เปิดเผยด้วยว่า เป้าหมายของการพบปะครั้งนี้ไม่ได้มุ่งบรรลุข้อตกลงใด ๆ และจะไม่ออกแถลงการณ์ร่วม แต่มุ่งสร้างความเข้าใจที่ดีขึ้นเกี่ยวกับวาระสำคัญอันดับแรกของแต่ละฝ่าย และลดความเข้าใจผิด และเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติ บอกว่า จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงเรื่องความสัมพันธ์อย่างชัดเจนใด ๆ