ลิซ ทรัสส์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้เพียง 44 วัน แถลงเมื่อวันพฤหัสบดีว่า เธอไม่สามารถดำเนินนโยบายบริหารประเทศตามที่ได้รับความไว้วางใจจากพรรคอนุรักษ์นิยม และกระบวนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะเสร็จสิ้นได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ โดยเธอจะรักษาการตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจนกว่าจะมีผู้นำคนใหม่
การตัดสินใจครั้งนี้ทำให้เธอเป็นนายกรัฐมนตรีที่อยู่ในตำแหน่งสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ และมีขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากเพิ่งประกาศในที่ประชุมสภาเมื่อวันพุธว่า เธอเป็นนักสู้ ไม่ใช่คนที่ถอดใจง่าย ๆ หลังจากมีกระแสกดดันอย่างต่อเนื่องทั้งจากฝ่ายค้านและสมาชิกบางส่วนในพรรคอนุรักษ์นิยมให้เธอลาออก สืบเนื่องจากแผนงบประมาณของเธอ ที่มีนโยบายลดภาษีต่าง ๆ สร้างความกังวลให้กับตลาดเงินจนค่าเงินปอนด์ร่วงต่ำที่สุดในรอบหลายปี และต้องยอมยกเลิกนโยบายเกือบทั้งหมด ที่ส่วนใหญ่เป็นสัญญาหาเสียงตอนสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
แต่พรรคแรงงาน พรรคเสรีประชาธิปไตย และพรรคชาติสกอต เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งทั่วไปครั้งใหม่ทันที
เคียร์ สตาร์เมอร์ หัวหน้าพรรคแรงงาน กล่าวว่า พรรคอนุรักษ์นิยมไม่ได้รับอำนาจให้บริหารประเทศอีกต่อไป และหลังจาก 12 ปีของความล้มเหลวของพรรคอนุรักษ์นิยม ชาวอังกฤษสมควรมีรัฐบาลใหม่ที่ดีกว่าความยุ่งเหยิงของการผลัดเปลี่ยนผู้นำ และพรรคอนุรักษ์นิยมทำให้อังกฤษอ่อนแอลง และแย่ลง
นอกจากนี้เขาบอกด้วยว่า พรรคอนุรักษ์นิยมไม่ควรแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนตัวผู้นำประเทศ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากประชาชนชาวอังกฤษ
ขณะที่สื่อเริ่มคาดการณ์ว่า ใครจะมาเป็นนายกรัฐนตรีคนที่ 3 ในปีนี้ แต่เจเรมี ฮันต์ รัฐมนตรีคลัง ที่ได้รับการแต่งตั้งจากทรัสส์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ยืนยันแล้วว่า จะไม่ลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค และมีกระแสข่าวว่า บอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่พ้นตำแหน่งเมื่อ 6 สัปดาห์ที่แล้ว เตรียมจะลงสมัครชิงตำแหน่งผู้นำพรรครัฐบาลอีกครั้ง ส่วนริชี ซูนัก อดีตรัฐมนตรีคลัง ที่พ่ายแพ้ให้ทรัสส์ในการชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ก็ถูกจับตาอีกครั้ง
แต่ประชาชนจำนวนหนึ่งรวมตัวที่ด้านนอกทำเนียบรัฐบาล และคนหนึ่งบอกว่า อยากให้มีการเลือกตั้งใหม่ เพราะที่ผ่านมาเป็นวงจรการผลัดเปลี่ยนขยะด้วยขยะที่เลวร้ายยิ่งกว่า และไม่มีใครเหมาะสมกับตำแหน่ง ขณะที่อีกคน บอกว่า ความวุ่นวายทางการเมืองยิ่งซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน อย่าง ราคาพลังงานและอาหารที่พุ่งสูงขึ้น