ก่อนหน้านี้ ลิซ ทรัสส์ ยอมรับว่ารัฐบาลของเธอใช้นโยบายหลายอย่างที่ผิดพลาด จนทำให้อังกฤษต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ แต่ยืนยันว่าจะยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
อย่างไรก็ตามในวันนี้ (20 ต.ค.) ทรัสส์ ได้ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นที่เรียบร้อย โดยให้เหตุผลว่า "ไม่สามารถทำในสิ่งที่ได้รับมอบหมายได้" และเผยว่าจะมีการเลือกผู้ที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่งในปลายสัปดาห์หน้า
เว็บไซต์ซีเอ็นบีซี รายงานว่า ลิซ ทรัสส์ และรัฐบาลของเธอไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณลดภาษี ซึ่งสร้างความปั่นป่วนอย่างหนักให้กับตลาดหุ้น จนเกิดกระแสกดดันภายในพรรคอนุรักษนิยมให้เธอลงจากตำแหน่ง
นางทรัสส์ ได้รับการโปรดเกล้าฯเป็นนายกรัฐมนตรีอังกฤษ เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา หรือ 2 วันก่อนสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เสด็จสวรรคต
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวเอเอฟพีรวบรวม 3 ทางเลือกที่นางทรัสส์จะพ้นจากตำแหน่ง ทั้งๆ ที่เพิ่งเป็นหัวหน้าพรรคอนุรักษนิยมสืบต่อจากนายบอริส จอห์นสัน เมื่อต้นเดือน ก.ย. โดยหนึ่งในทางเลือกนั้นคือ การลาออกจากตำแหน่ง
ส.ส.พรรคอนุรักษ์นิยมกว่า 12 คน เรียกร้องเปิดเผยให้นางทรัสส์ลาออก หลังคว่ำนโยบายเศรษฐกิจของเธอเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
หลายคนบอกผู้สื่อข่าวว่า การดำรงตำแหน่งของเธอสิ้นสุดลงมีผลแล้ว รัฐมนตรีคนสนิทของนางทรัสส์คนหนึ่งบอกกับเดอะไทม์สว่า สถานการณ์ถึง “ปลายทาง” แล้ว
หลังการตัดสินใจปลดรัฐมนตรีคลังเมื่อสัปดาห์ก่อน และเหตุการณ์อื้อฉาวเมื่อวันพุธ (19 ต.ค.) จนรัฐมนตรีมหาดไทยต้องลาออก และ ส.ส.กบฏโหวตในสภา นางทรัสส์อาจตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาต้องก้าวลง โดยเธอยังเป็นนายกฯ ต่อไปจนกว่าหาคนมาสืบต่อได้ นั่นอาจมีการเลือกผู้นำพรรคอนุรักษ์นิยมอีกครั้งในเวลาไม่ถึง 2 เดือน
แต่พรรคอาจเลี่ยงกระบวนการต่อสู้อันยาวนานและแตกแยกได้โดยการรวบรวมคู่แข่งให้เหลือคนเดียว แล้วเลือกให้เป็นผู้นำพรรค อย่างนางเทเรซา เมย์ ขึ้นมาแทนอดีตนายกรัฐมนตรีเดวิด คาเมรอน ในปี 2559 ท่ามกลางความเสียหายจากการลงประชามติ หลังจากผู้สมัครคนอื่นๆ ค่อยๆ ถอนตัว
อย่างไรก็ตาม นางทรัสส์เคยส่งสัญญาณยืนกรานไม่ลาออก โดยแถลงกับสภาเมื่อวันพุธว่า เธอไม่ใช่ “คนขี้แพ้”
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ