พระเจ้าชาร์ลสกลายเป็นกษัตริย์ไร้วังไปอีก 5 ปี

พระเจ้าชาร์ลสที่ 3 จะยังทรงไม่ย้ายเข้าไปประทับในพระราชวังบักกิงแฮมในช่วง 5 ปีนี้ เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการบูรณะที่ใช้งบประมาณ 370 ล้านปอนด์ ซึ่งหมายความว่าพระเจ้าชาร์ลสจะต้องเปลี่ยนที่ประทับถึง 3 ที่ ใน 1 สัปดาห์ โดยแบ่งเป็นพระตำหนักแคลเรนซ์ เฮาส์ สัปดาห์ละ 2 วัน ปราสาทวินด์เซอร์สัปดาห์ละ 2 วัน และตำหนักซานดริงแฮมในนอร์ฟอล์คอีกสัปดาห์ละ 2 วัน 

คาดว่าการบูรณะพระราชวังบักกิงแฮมที่ใช้เวลาทั้งสิ้น 10 ปี จะยังไม่แล้วเสร็จจนกว่าอย่างน้อยจะถึงปี 2027 (พ.ศ.2570) ซึ่งพระตำหนักแคลเรนซ์ เฮาส์ เป็นที่ประทับของพระเจ้าชาร์ลสมาตั้งแต่ปี 2003 (2546) หรือเกือบ 20 ปี แต่แหล่งข่าวระบุว่า การบูรณะบักกิงแฮมล่าช้าไปมาก แต่พระมหากษัตริย์สมควรที่จะต้องประทับที่พระราชวังแห่งนี้ เนื่องจากเป็น 'หัวใจ' ของสถาบันฯ มิฉะนั้น อาจเสี่ยงที่จะกลายเป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยว และจะถูกมองว่ามีพระมหากษัตริย์แต่ไม่มีพระราชวังให้ประทับ ขณะที่ปัจจุบันนอกจากสถานที่ประทับทั้ง 3 แห่งแล้ว พระเจ้าชาร์ลสยังทรงมีตำหนักไฮจ์โกรฟ เฮาส์ อยู่ใกล้ด้วย 

พระราชวังบักกิงแฮมเพิ่งมาถึงครึ่งทางของการบูรณะครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รวมถึงการเดินสายไฟ ทำระบบประปา และระบบทำความร้อนใหม่ วอลล์เปเปอร์ในบางห้องรวมทั้ง Yellow Drawing Room ที่อยู่ปีกตะวันออก โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์และบำรุงรักษานำไปดูแลก่อนนำกลับมาติดใหม่ ส่วนค่าใช้จ่ายในการบูรณะมาจากเงินภาษีที่เบิกผ่าน Sovereign Grant หรือเงินปีส่วนพระมหากษัตริย์  

ในส่วนของการบูรณะด้านสาธารณูปโภคได้รวมถึงท่อประปายาว 10 ไมล์ ปลั๊กไฟ 6,500 อัน สุขภัณฑ์ (โถ+อ่างล้างหน้าและอื่น ๆ) 500 ชิ้น และบัวเชิงผนังยาว 20 ไมล์ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเตือนก่อนหน้านี้ว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้, ความเสียหายจากน้ำท่วม และงานศิลปะที่หาค่ามิได้ จากการซ่อมแซมพระราชวังในครั้งนี้  

ได้มีการประเมินว่าประโยชน์ที่จะได้รับจากการบูรณะ ทำให้สามารถเปิดให้ชมได้ยาวนานขี้นในช่วงฤดูร้อน และประหยัดการปรับปรุงบำรุงรักษาได้ปีละราว 3.4 ล้านปอนด์