องค์การประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือโอเปก ที่ประกอบด้วยสมาชิก 13 ประเทศ นำโดยซาอุดิอาระเบีย และ 11 ชาติพันธมิตร นำโดยรัสเซีย ซึ่งเรียกรวมกันว่าโอปกพลัส (OPEC+) ได้ เห็นชอบร่วมกันว่าจะลดการผลิตน้ำมันวันละ 2 ล้านบาร์เรล ในระหว่างการประชุมที่กรุงเวียนนาของออสเตรียเมื่อวันพุธ (5 ตุลาคม) ซึ่งเป็นการประชุมแบบเผชิญหน้าครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2563 โดยไม่แยแสข้อเรียกร้องจากสหรัฐฯ ที่ให้เพิ่มการการผลิตน้ำมันเพื่อกอบกู้เศรษฐกิจโลก และยังทำลายโอกาสของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่จะควบคุมราคาพลังงานในประเทศ ทั้งที่เขาเพิ่งเดินทางไปเยือนซาอุดิอาระเบียเมื่อเดือนกรกฎาคม
นับเป็นการย้อนกลับไปใช้นโยบายลดการผลิตน้ำมันดิบครั้งใหญ่สุดในรอบกว่า 2 ปี จากที่เคยทำสถิติเมื่อต้นปี 2563 ด้วยการลดการผลิตลงถึงวันละ 10 ล้านบาร์เรล เนื่องจากการระบาดของโควิด-19 ทำให้ความต้องการพลังงานลดลง ขณะที่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาราคาน้ำมันโลกได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และเพิ่งจะปรับขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนเพราะคาดหวังว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิต
โดยเมื่อพุธราคาน้ำมันดิบเบรนท์ของยุโรปเพิ่มขึ้นเกือบ 2% ขึ้นไปอยู่ที่มากกว่า 93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า การตัดสินใจของโอเปกพลัสจะทำให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งยังจะดันราคาเชื้อเพลิงให้สูงตามไปด้วย ทั้งยังทำลายแผนของสหรัฐฯ ที่ให้ยุโรปกำหนดเพดานราคาน้ำมันจากรัสเซีย เพี่อลดรายได้ของรัสเซียไม่ให้นำไปใช้ทำสงคราม แต่สมาชิกกลุ่มโอเปกได้ตอบโต้ว่า 'ทำเพี่อตอบสนองความไม่แน่นอนอย่างมีนัยสำคัญ เกี่ยวกับความต้องการน้ำมันในอนาคต' ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกที่กำลังถดถอย และยืนยันว่า 'เป็นเรื่องทางเทคนิคไม่ใช่การเมือง'