svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

"ไทยสร้างไทย" ปูด เอสเอ็มอีไทยผ่านมา 9 ปี หนี้ท่วม ดันถกวาระแห่งชาติ

16 ตุลาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"สุพันธุ์ มงคลสุธี" ไทยสร้างไทย ชี้ผ่านมา 9 ปี SMEs ไทยหนี้ท่วม เผย หนี้เสียในระบบช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 4.3 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 2.3 ล้านบัญชีในช่วงปีที่แล้ว มีมูลค่าหนี้กว่า 4.8 แสนล้านบาทดัน SMEs ต้องกลับมาเป็นวาระแห่งชาติ"

 

วันนี้ (16 ตุลาคม 2565) "นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการผลักดันให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ สืบเนื่องจากการแถลงเปิดตัวนโยบายเศรษฐกิจ ของพรรคไทยสร้างไทย เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ที่ผ่านมา 

 

"นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย

 

"นายสุพันธุ์" ระบุว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการ SMEs ในประเทศไทย กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก ทั้งจากสภาวะหนี้สินที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 ถือว่าอยู่ในขั้นวิกฤตมีหนี้เสียอยู่ในระบบกว่าที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนมกราคมถึงมิถุนายน 4.3 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้นจาก 2.3 ล้านบัญชีในช่วงปีที่แล้ว และมีมูลค่าหนี้กว่า 4.8 แสนล้านบาท

 

SMEs ไทยยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ และความสามารถในการแข่งขันยังเสียเปรียบทุนขนาดใหญ่ ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนมากไม่สามารถแข่งขันกับทุนต่างประเทศได้อย่างเพียงพอ ทั้งๆ ที่มีแรงงานอยู่ในภาค SMEs นั้น เกือบ 30 ล้านคน แต่รายได้ที่เกิดจาก SMEs กลับมีอยู่ประมาณร้อยละ 30 ของ GDP เท่านั้น 

 

"นายสุพันธุ์"  กล่าวต่อว่า ความพยายามในการผลักดันให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาตินั้น มีมาตั้งแต่ช่วงปี 2557 ในสมัยที่ตนยังเป็นประธานสภาอุตสาหกรรม และเมื่อถูกเชิญให้ไปเป็น สนช. ตนก็พยายามผลักดันเรื่องดังกล่าว แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องนี้มากนัก โดยเฉพาะเมื่อผ่านวิกฤตโควิด-19 มายิ่งเป็นที่ชัดเจนว่ารัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับภาค SMEs มากพอ แม้จะมีความพยายามในการฟื้นฟู SMEs ผ่านโครงการ ซอฟท์โลนต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถปล่อยเงินกู้ออกมาได้อย่างเต็มที่ เพราะติดกับดักของวิธีคิดแบบธนาคาร และ กฎระเบียบต่างๆ เช่น สภาพคล่องทางการเงินของลูกหนี้และเครดิตบูโร 

 

"นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย

 

"นายสุพันธุ์" อธิบายว่า สิ่งที่ต้องเร่งแก้ไข ณ ปัจจุบัน คือการปลดล็อกหนี้เสียให้กับประชาชน โดยเฉพาะในภาค SMEs เจาะจงไปยังหนี้เสียที่เกิดขึ้นในช่วงโควิด-19 เพราะก่อนหน้าที่จะเกิดโรคระบาดนั้น ผู้ประกอบการจำนวนมากเป็นลูกหนี้ชั้นดีมาก่อน แต่มาขาดทุนและดำเนินกิจการไม่ได้ เพราะมาตรการต่างๆ ของรับในช่วงวิกฤตโควิด รัฐจึงจำเป็นต้องเร่งปลดหนี้ โดยนายสุพันธุ์ได้ชูนโยบายของพรรคไทยสร้างไทย เรื่อง กองทุนปลดล็อกหนี้เสีย ที่จะเร่งแก้ปัญหาดอกเบี้ยสะสมให้กับหนี้เสียในระบบ และ คืนศักยภาพและโอกาสในการกู้ใหม่ให้กับประชาชนเพื่อจะนำไปต่อยอดทางธุรกิจให้ประชาชนฟื้นตัวต่อได้ 

 

หลังจากฟื้นฟูหนี้เสียแล้ว สิ่งที่จะทำต่อไปคือการตั้งกองทุนสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย หรือ กองทุน SMEs เพื่อให้ผู้ประกอบการได้กลับมาทำธุรกิจ หลังจากฟื้นสภาวะหนี้ได้ โดยนายสุพันธุ์ระบุว่ากองทุนเหล่านี้จะแบ่งตามวัตถุประสงค์ของการใช้เงินและวัตถุประสงค์ของประเภท ธุรกิจ เพื่อเป็นการเติมทุนให้กับนักธุรกิจ โดยเงินกู้ที่จะปล่อยกู้นั้นต้องมีดอกเบี้ยต่ำและต้องเข้าถึงได้โดยง่าย สิ่งสำคัญคือต้องปรับลดกฎเกณฑ์ในการปล่อยกู้ลงไป ให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเงินกู้ได้อย่างเร็วและง่ายที่สุด โดยจะเน้นไปที่ธุรกิจที่ประเทศไทยมีศักยภาพก่อน เช่น กองทุนสำหรับผู้ประกอบกิจการท่องเที่ยวและวิสาหกิจชุมชน 

"นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" รองหัวหน้าพรรคและประธานคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย

นอกจากผู้ประกอบการระดับ SMEs แล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยคือการช่วยเหลือผู้ประกอบการขนาดนาโนและไมโคร ที่ประสบปัญหาเงินกู้นอกระบบ หรือเงินกู้รายวัน เช่น พ่อค้าแม่ค้าในตลาด หรือ พ่อค้าแม่ค้าแผงลอยที่ต้องมีเงินหมุนแบบวันต่อวัน โดยพรรคไทยสร้างไทยจะตั้งกองทุนเครดิตประชาชนขึ้นมา ให้ประชาชนทุกคนมีเครดิตตั้งต้น โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และ ผ่อนชำระเป็นรายวันได้ โดยมีอัตราดอกเบี้ยต่ำ และผ่อนชำระเป็นรายวันได้ เพื่อให้ประชาชนหลุดจากวงจรหนี้นอกระบบ

 

"ตลอดระยะเวลา 8 ปีกว่าที่ผ่านมา แม้รัฐบาลจะมีการออกมาประชาสัมพันธ์อยู่บ่อยครั้งว่าจะทำให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติ แต่ยังไม่เคยเห็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมในการผลักดันนโยบายดังกล่าวเลย ในฐานะคนที่เติบโตมาจากธุรกิจ SME และผลักดันเรื่องดังกล่าวมาตลอด จะอาสาทำให้ SMEs เป็นวาระแห่งชาติเพื่อทำให้เศรษฐกิจปากท้องของประเทศกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง"

logoline