svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ ที่สั่นสะเทือนวงการ "สีกากี" นำมาสู่ศาลตัดสินให้อดีต "ผู้กำกับโจ้" ติดคุกตลอดชีวิต

8 มีนาคม 2568 คดีดังของวันกรณีการเสียชีวิต ภายในเรือนจำของ ข.ช.ธิติสรรค์ หรือ โจ้ อุทธนผล หรือ อดึต พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ อดีตนายตำรวจชื่อดัง ภายในเรือนจำกลางคลองเปรม จำเลยในคดีที่ใช้ถุงดำคลุมหัวเหยื่อจนสิ้นใจ ขณะทำการสอบสวนคดียาเสพติด เมื่อปี 2564

โดยคดีของ ผกก.โจ้ ถือเป็นคดีที่สร้างอาฟเตอร์ช็อกให้วงการ “สีกากี” อย่างหนักหน่วง ในช่วงดังกล่าว เมื่อภาพจากกล้องวงจรปิด ภายใน “ห้องกาแฟ” ซึ่งเป็นห้องทำงานของชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด หรือ ชป.05 ของ สภ.เมืองนครสวรรค์ กำลังรีดเค้นข้อมูลจากนายจิระพงศ์ ธนะพัฒน์ หรือมาวิน ผู้ต้องหายาเสพติด ก่อนใช้ถุงดำคลุมศีรษะจนสิ้นใจ และตกเป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก  

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

คดีนี้เริ่มจาก “มาวิน” และแฟนสาว ถูกจับกุมที่หน้าร้านสะดวกซื้อ ตลาดนัดหน้าค่ายจิรประวัติ ต.นครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสรรค์ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.2564 พร้อมยึดของกลางยาไอซ์ 300 กรัม กระทั่งตรวจสอบโทรศัพท์มือถือ เจอภาพยาไอซ์ และยาบ้าจำนวนหนึ่ง จึงขยายผลตรวจค้นที่บ้านพัก แต่ไม่เจอยาเสพติดเพิ่มเติม

จากนั้นวันที่ 5 มิ.ย.2564 พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรืออดีตผู้กำกับโจ้ อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก​รวม 7 คน พยายามบีบบังคับเอาข้อมูลยาเสพติดที่เหลืออีกรอบ จนเวลา 13.15 น.มีการใช้ถุงพลาสติกสีดำ คลุมศีรษะ “มาวิน” ลักษณะถุงซ้อนกัน 6 ชั้น

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

โดยเวลาผ่านไปประมาณ 7 นาที ในเวลา 13.25 น.ทางผู้ต้องหาหมดสติ และหยุดหายใจ โดยกลุ่มของ “อดีตผู้กำกับโจ้” พยายามทำ CPR กู้ชีพ แต่ไม่เป็นผล จึงนำตัวส่งโรงพยาบาลปริ้นส์ ปากน้ำโพ ที่มีการใช้เคลื่องช่วยหายใจพยุงชีพ พร้อมส่งตัวต่อโรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์

ซึ่งทางกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุ อ้างกับเจ้าหน้าที่แพทย์ว่า “มาวิน” พยายามวิ่งหลบหนี และมีการล้มหมดสติไปเอง สุดท้ายไม่สามารถยื้อชีวิตได้ โดยผู้ต้องหาได้เสียชีวิตในเวลา 13.20 น.วันที่ 6 มิ.ย.2564

เบื้องต้นแพทย์ชันสูตรศพเบื้องต้น พบสารแอมเฟตามีน และเมทแอมเฟตามีน อยู่ในร่างกาย โดยมีร่องรอยที่กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด และมีจุดๆ แต่ไม่เกี่ยวกับโรคหัวใจ ซึ่งทางกลุ่มตำรวจที่ก่อเหตุ พยายามให้ลงบันทึกสาเหตุการตายว่า เกิดจากพิษสารแอมเฟตามีน

จนผลชันสูตรทางการออกมา พบเยื่อบุในช่องปากเป็นสีเขียวคล้ำ เยื่อบุตาขาว มีจุดเลือดออก สมองมีจุดเลือดออก ผิวปอดด้านนอกมีจุดเลือดออก ซึ่งแพทย์สรุปสาเหตุการตายว่า “เกิดจากการขาดอากาศหายใจ” กระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุ พยายามวิ่งเต้นปิดคดี โดยเฉพาะหลักฐานจากคลิปวงจรปิด
ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

กระทั่งหลักฐานวงจรปิด ถูกส่งต่อให้ 2 ทนายชื่อดัง จนภาพการทรมาน “ถุงดำคลุมศีรษะ” ถูกเผยแพร่สู่สาธารณชนในวันที่ 24 ส.ค.2564 ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับ “อดีตผู้กำกับโจ้” เดินทางออกจากบ้านพักย่านรามอินทรา โดยมีคนขับรถไปส่งที่ใต้ทางด่วน ถ.กาญจนาภิเษก ก่อนมีรถอีกคันมารับ มุ่งหน้าไปชลบุรี

ซึ่งวันที่ 25 มิ.ย.2564 “อดีตผู้กำกับโจ้” โทรศัพท์ไปปรึกษา “พ.ต.อ.” อดีตตำรวจกองปราบปราม ที่แนะนำให้มอบตัว และสู้คดีในชั้นศาล กระทั่งผ่านไป 1 วัน ในวันที่ 26 มิ.ย.2564 เจ้าตัวตัดสินใจโทรศัพท์หา “รอง ผบช.ภ.6” และนัดมอบตัวที่ สภ.แสนสุข จ.ชลบุรี ในท้ายที่สุด
ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

หลังการเข้ามอบตัว คดีนี้ผ่านไปนานเกือบ 1 ปีเต็ม โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อ่านคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต "อดีตผู้กำกับโจ้" แต่มีเหตุบรรเทาโทษ เนื่องจากเยียวยาผู้เสียหาย ให้จำคุกตลอดชีวิต รวมถึงจำเลยอีก 5 คน ยกเว้นจำเลยที่ 6 ให้ลงโทษจำคุก 5 ปี 4 เดือน 

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ

จากนั้นนำมาสู่การถอดยศของ อดีต ผกก.โจ้ รวมถึงการยึดทรัพย์อีกนับพันล้านบาท จากพฤติกรรมร่ำรวยผิดปกติ ก่อนจะมีข่าวเศร้าในวันนี้

ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ
ย้อนคดีอดีต "ผกก.โจ้" จากนายตำรวจชื่อดัง สู่จำเลยคดีถุงดำ