svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

สืบนครบาลร่วมกับ TOP G รวบผู้ต้องหาขบวนการรับจำนำรถ แต่ไม่มีรถให้ไถ่คืน

"สืบนครบาล" ร่วมกับ "TOP G" รวบผู้ต้องหาขบวนการรับจำนำรถเถื่อน แต่ไม่มีรถให้ไถ่คืน ซึ่งอีก 2 เดือนหมายจับจะหมดอายุความ ผู้ต้องหาสุดมึนอ้างจำไม่ได้ แถมยังจะมาแจ้งความคดีตัวเองทั้งที่มีหมายจับ

19 กรกฎาคม 2567 ตำรวจนครบาลโดยชุดสืบนครบาล ร่วมกับนักเรียนสืบสวนอาญาขั้นพิเศษ TOP G แถลงการจับกุมตัว นายอรรถพล หรือ ต้น อายุ 36 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีร่วมกันฉ้อโกง โดยสามารถจับกุมได้ที่ หน้าสถานีตำรวจภูธรบ้านฉาง จังหวัดระยอง โดยสามารถจับกุมได้ ขณะนำตัวผู้ต้องหาไปลงบันทึกประจำวันกับตำรวจ สภ.บ้านฉาง 

ระหว่างนั้น นายอรรถพล ได้เดินทางมาแจ้งความเช่นเดียวกัน ซึ่งเมื่อตำรวจได้นำบัตรประชาชนนายอรรถพลมากรอกข้อมูล ปรากฏว่า นายอรรถพล เป็นบุคคลตามหมายจับ ศาลอาญา ที่ จ.260/2559  ลงวันที่ 8 ก.พ. 59 ในข้อหา "ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน" หมายจับจะหมดอายุในเดือน ก.ย. 67 นี้ ตำรวจจึงทำการจับกุม 
สืบนครบาลร่วมกับ TOP G รวบผู้ต้องหาขบวนการรับจำนำรถ แต่ไม่มีรถให้ไถ่คืน  
 

สำหรับพฤติกรรมทางคดีนั้น ก่อนเกิดเหตุ ผู้เสียหายมีความเดือดร้อนเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย จำเป็นจะต้องใช้เงิน จึงได้ค้นหาในอินเตอร์เน็ต เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน และได้ติดต่อกับนายเก้า (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ผ่านทางหมายเลขโทรศัพท์ โดยนายเก้าให้ผู้เสียหายกู้เงินจำนวน 70,000 บาท ในดอกเบี้ยร้อยละ 10 จากเงินต้น และจะต้องนำรถของผู้เสียหาย ไปจำนำไว้กับนายเก้า 

ต่อมาเมื่อวันที่ 25 ก.ย.57 เวลากลางวัน ผู้เสียหาย ได้ตกลงนัดแนะกับนายเก้า โดยนายเก้าได้ให้นายสายชล (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง)  พบผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้นำรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮอนด้า สีเทา ซึ่งผู้เสียหายเป็นผู้ครอบครองรถคันนี้อยู่ และได้นัดพบปะกันที่ ห้างสาขารามอินทรา เมื่อนายสายชลได้ตรวจสอบรถเรียบร้อยแล้ว จึงได้ให้เงินสดกับผู้เสียหาย จำนวน 69,000 บาท โดยหักในส่วนที่รถของผู้เสียหาย ติดตั้งระบบแก๊ส 1,000 บาท และให้ผู้เสียหาย จ่ายเป็นงวดเดือนละประมาณ 7,000 บาท โดยไม่ได้มีการทำสัญญากู้ยืมเงินกันแต่อย่างใด และนายสายชล ได้แจ้งให้ผู้เสียหายทราบว่า ให้ทำการจ่ายค่างวดผ่านบัญชีนายอรรถพล 
สืบนครบาลร่วมกับ TOP G รวบผู้ต้องหาขบวนการรับจำนำรถ แต่ไม่มีรถให้ไถ่คืน
 

ต่อมา ผู้เสียหายได้จ่ายเงินคืนพร้อมดอกเบี้ย เป็นงวด ๆ เรื่อยมา รวมยอดที่ผู้เสียหายโอนให้เจ้าของเงินกู้ไปแล้วทั้งสิ้น 99,700 บาท ต่อมาเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 58 เวลากลางวัน ผู้เสียหาย ได้ตกลงกับนายอรรถพล เพื่อนัดรับรถคืนที่ธนาคาร ย่านสามเสน แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย นายอรรถพลไม่ได้นำรถมาคืนผู้เสียหาย และไม่สามารถติดต่อได้ ผู้เสียหาย จึงได้ติดต่อไปยังนายสายชล นายสายชล ได้แจ้งให้กับผู้เสียหายทราบว่า รถได้ขายไปแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย. 57

เนื่องจากนายอรรถพลแจ้งกับนายสายชลว่า ผู้เสียหายส่งเงินค่าจำนำรถเพียง 2-3 งวด ต่อมาผู้เสียหายขาดส่งเงิน และไม่ประสงค์ที่จะนำรถคืนแล้ว โดยนายอรรถพล ได้ขอเงินจำนวน 5,000 บาท อ้างว่า จะนำมาให้ผู้เสียหาย ผู้เสียหาย จึงขอรถคืนจากนายสายชล แต่นายสายชล ก็บ่ายเบี่ยงไม่รับผิดชอบ ทำให้ผู้เสียหาย ได้รับความเสียหายจึงแจ้งความเพื่อดำเนินคดีกับนายอรรถพล โดยในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การภาคเสธอ้างว่า จำไม่ได้ จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงาน สน.บางเขน ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น ฝากเตือนถึงประชาชนว่า รถที่ติดไฟแนนซ์หรืออยู่ระหว่างผ่อนชำระกับสถาบันทางการเงิน ผู้ถือกรรมสิทธิ์หรือเจ้าของรถตัวจริงคือสถาบันทางการเงิน ส่วนผู้เช่าซื้อเป็นเพียงผู้ครอบครองเท่านั้น ไม่ได้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยสมบูรณ์ ดังนั้น การนำรถติดไฟแนนซ์ไปจำนำ จะมีความผิดฐาน “ยักยอก” ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกกรณีถึงแม้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์แล้ว เอาไปรถไปจำนำ อาจจะเสี่ยงที่จะถูกแอบนำรถไปขายต่อได้ ทั้งที่ผ่อนชำระค่าเงินกู้กับดอกเบี้ยเรื่อยมา อาจเสียทั้งเงินเสียทั้งรถได้
สืบนครบาลร่วมกับ TOP G รวบผู้ต้องหาขบวนการรับจำนำรถ แต่ไม่มีรถให้ไถ่คืน