svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

08 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ส.ส.วิโรจน์ ควงสหพันธ์ขนส่งทางบกฯ พบ "จเรตำรวจ" ยื่นข้อมูลตรวจสอบส่วยสติกเกอร์รถบรรทุก เชื่อตำรวจมีมากกว่า วอนอย่าเหมารวมทุกคันผิดกฎหมาย ชี้ภาวะจำยอม ด้าน จตช. ตีกรอบ 15 วัน ไม่มีละเว้น

8 มิถุนายน 2566 นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล พร้อมด้วยนายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำเอกสารหลักฐานที่สมาพันธ์ขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย นำมามอบให้กับ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบกรณีส่วยทางหลวงและดำเนินการทางกฎหมาย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:


นายวิโรจน์ กล่าวว่า เอกสารที่รวบรวมมาวันนี้ มีข้อมูลเบาะแสเบื้องต้นที่รวบรวมมาจากพลเมืองดี ร่วมกับสหพันธ์การขนส่งฯ ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ ได้รับการประสานงานที่ดีจากทั้ง จเรตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเบาะแสปลายทาง การสอบสวนขยายผลต้องให้ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ เชื่อว่าจะทำได้ดีกว่า และตำรวจคงมีข้อมูลไปไกลแล้ว 

แต่วันนี้นำข้อมูลมาให้เพื่อทบทวนข้อมูลว่า ครบถ้วนตรงกัน หรือไม่ หวังว่าการหาผลประโยชน์ หรือเรียกรับผลประโยชน์ การรังควานกลั่นแกล้งผู้ประกอบการที่สุจริต จะต้องทุเลาเบาบาง หรือหมดไป และหวังว่า นอกจากส่วยสติกเกอร์แล้ว ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์อื่นๆ เช่น โรงโม่หิน บ่อดิน บ่อทราย ผู้ค้าขายหินทราย ซึ่งสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และยึดใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4) ไปด้วย

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า การค้าสำนวนของ พนักงานสอบสวนบางคน ที่ทำสำนวนเรียกรับผลประโยชน์ เช่น รถบรรทุกบางคัน บรรทุกน้ำหนักเกินเพียง 100-200 กิโลกรัม วิญญูชนทั่วไปคงเข้าใจได้ว่า ไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย เพราะน้ำหนักจะเกินแต่ละครั้ง ต้องมีน้ำหนักเกินไปเป็นตัน 

แต่พนักงานสอบสวนบางคนเอาส่วนนี้ใส่ไว้ในสำนวน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ และสร้างสัญญาเช่าเท็จจากคนขับรถเปลี่ยนเป็นคนเช่ารถเพื่อให้รถไม่ต้องถูกยึด ไม่เพียงแค่ตำรวจเท่านั้น แต่เรื่องนี้ยังพัวพันไปถึงอัยการบางคน เช่น การที่คดีความไปถึงศาลชั้นต้น พิพากษาโทษปรับ แต่อัยการยังยื่นอุทธรณ์ เพื่อให้รถโดนยึด 

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

ทั้งนี้ ในมุมกลับกัน บางกลุ่มบรรทุกน้ำหนักเกินก็มีอภินิหารให้โดนเพียงลหุโทษ ซึ่งรถคันหนึ่ง ราคา 3-4 ล้านบาท หากโดนยึดเพราะบรรทุกน้ำหนักเกินเพียงไม่กี่กิโลกรัม อาจไม่เป็นธรรม จุดนี้อาจต้องไปตรวจสอบกฎหมาย และแก้ไขอีกครั้ง แต่จะเหมารวมผู้ประกอบการว่า ทำผิดกฎหมายทั้งหมดไม่ได้ เพราะหลายคนก็อยู่ในภาวะจำยอมต่อสภาพ เพราะมีระบบแบบนี้เกิดขึ้น

เมื่อถามว่าเป็นเรื่องของการเสียผลประโยชน์ จึงมีการร้องทุกข์กล่าวหาหรือไม่ นายอภิชาติ กล่าวว่า ขอบคุณท่านที่ทำจดหมายเปิดผนึกมาแล้วมีการกล่าวหาว่า ยื่นข้อมูลไม่ครบต่างๆ หรือคัดสมัครพรรคพวกให้ออกไปจากระบบนี้ ขอเรียนตรงๆ ว่าเป้าหมายของกลุ่มสหพันธ์ ได้ร่วมกันลงนามทำบันทึกข้อตกลง(MOU)ไว้แล้วว่า จะไม่ทำผิดกฎหมาย ถ้าพบว่าสมาชิกรายใดที่ทำผิดตามที่ได้ทำ MOU กันไว้ จะขับไล่ออกจากองค์กรทันที

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

เมื่อถามว่าคนที่ร้องเรียนอ้างว่า สหพันธ์เสียผลประโยชน์นั้น นายอภิชาติ ระบุว่า ที่อยู่ของสหพันธ์มีอยู่แล้วให้ยื่นเข้ามาได้เลย หรือจะมาพบตน ก็ยินดีไปชี้แจง และไปขอหลักฐานดูว่า ขาดตกบกพร่องตรงไหน ต้องเข้าใจว่า ระบบส่วยตรงนี้ มันฝังรากลึกมานานแล้ว เพราะฉะนั้นการที่จะไปเหมารวมว่า ทุกคนกระทำความผิด ก็ต้องไปตรวจสอบ 

วันนี้ที่มาพบ จตช. เพื่อจะให้ลงไปตรวจสอบว่า ตรงกับข้อมูลที่ทางสหพันธ์ และทาง นายวิโรจน์ มีข้อมูลตรงกัน หรือไม่ หรือมีส่วนใดส่วนหนึ่งที่ผิดพลาดไป ยืนยันตรงๆ ไม่มีนัยยะใดๆ ทั้งสิ้นสามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นองค์กรกลาง และต่อสู้มามากกว่า 20 ปีแล้ว

ขณะที่เมื่อถามว่า จะแก้ปัญหาเรื่องส่วยให้น้อยลงได้ หรือไม่ นายอภิชาติ ตอบว่า เรื่องนี้อยู่ที่คนที่จะแก้ไขปัญหา มีความจริงใจในการแก้ปัญหาจริงๆ หรือไม่ ตนก็หวังอย่างยิ่งว่า ทางจเรตำรวจ ซึ่งในอดีตไม่มีการแถลงข่าว หรือมีจเรตำรวจมารับเรื่องอย่างนี้ แต่ในยุคนี้มีทางจเรตำรวจ มารับเรื่องตรงนี้ คิดว่าในฐานะที่ท่านมีที่ปรึกษา และคนที่อยู่ในวงการตำรวจพอจะทราบว่า จุดไหนที่มีปัญหา ท่านรับปากแล้วว่าจะลงไปแก้ไข ส่วนใดที่ท่านอยากจะได้ข้อมูล หรือลงสถานที่ไปดู ก็จะมีเจ้าหน้าที่พาไปดู

ถามต่อถึงกรณีจับรถบรรทุกน้ำมันเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับสหพันธ์ฯหรือไม่  นายอภิชาติ ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้อง และอยากจะชี้แจงว่า รถทั้งหมดที่อยู่ในประเทศไทยมีด้วยกัน 1,500,000 คัน สมาชิกที่อยู่ในสหพันธ์มีอยู่เพียง 400,000 กว่าคัน ฉะนั้นเทียบได้เป็น 1 ใน 3 เท่านั้น อีกล้านคันที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม เราไม่สามารถที่จะไปดึงเขาเข้ามาได้อยู่ที่เขาจะต้องพิสูจน์ตัวเองว่า ผลงานของสหพันธ์ที่แล้วมามีประโยชน์กับเขา หรือไม่ 

สิ่งหนึ่งที่อยากจะเรียน มีทั้งข้อดี และข้อเสีย ของการที่ทำถูกกฎหมาย และข้อเสียที่ทำผิดกฎหมาย เราได้เผยแพร่ไปทางเพจเฟซบุ๊กของสหพันธ์อยู่แล้ว

นายอภิชาติ กล่าวต่อว่า ทางสหพันธ์มี MOU ว่า จะต้องอยู่ภายใต้ของกฎหมาย คือเงื่อนไข เพราะบางบริษัท หรือบางหน่วยงานต่างๆ ก็มีความจำเป็นที่จะต้องไปเคลียร์ เพื่อจะแข่งขันกันโดยอาศัยบรรทุกน้ำหนักเกิน นี่คือปัญหา ถ้าเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างจริงจัง ผมคิดว่าผู้ประกอบการบางท่านที่หลงผิดไป ก็จะต้องพิสูจน์เอง 

เรามีการตรวจสอบเป็นขั้นเป็นตอน ยืนยันว่าตรวจสอบได้ และการทำงานของสหพันธ์ที่แล้วมาก็ชัดเจนมาตลอด ตนอยากจะเรียนว่าท่านที่ทำจดหมายเปิดผนึกมา ท่านอาจจะเดือดร้อน ท่านแจ้งมาที่สหพันธ์ได้ หรือตนยินดีที่จะพบ ยังยืนยันว่า จะสร้างความเข้าใจให้ทราบได้ สิ่งหนึ่งที่เขาน้อยใจว่า มีการปฏิบัติอย่างลักลั่น หรือหลิวตากัน ทางสหพันธ์ยืนยันว่าไม่มีแน่นอน

ส่วนกรณีที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ บอกว่าถ้าบริสุทธิ์ใจก็ให้แจ้งความ ทางนายอภิชาติ บอกว่า วันนี้มาแจ้งความทุกเรื่องทุกประเด็นอยู่แล้ว

ขณะนายวิโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ข้อมูลที่นำมาให้ จเรตำรวจแห่งชาติในวันนี้ ข้อมูลส่วนหนึ่งมาจากทางสหพันธ์ ข้อมูลอีกส่วนหนึ่งมาจากพลเมืองดี หรือแหล่งข่าวอื่น ที่นำมามอบให้ ในจดหมายเปิดผนึกที่ส่งมานั้น ตนก็ได้ตรวจสอบแล้ว ก็นำเอาข้อมูลตรงนั้นมามอบให้จเรตำรวจแห่งชาติด้วย เช่นเดียวกัน 

ดังนั้นยืนยันว่า ข้อมูลที่นำมาส่งวันนี้ได้มอบให้จเรตำรวจแห่งชาติครบถ้วน ส่วนสหพันธ์ที่ได้ทำงานกับก้าวไกลก็ดี ก็ต้องยอมรับว่า เรายินดีที่จะที่จะทำงานร่วมกันกับผู้ประกอบการขนส่งรถบรรทุกอื่นๆ ส่วนการจะมาเข้าร่วมกับสหพันธ์ใดๆ เป็นเรื่องของความสมัครใจ แต่ยืนยันอย่างนี้ว่า เราจะเหมารวมผู้ประกอบการรถบรรทุกว่า พวกเขาทำผิดกฎหมายไม่ได้ หลายคนก็จำยอม 

ดังนั้นเราจะไปบอกว่าคนที่ติดสติกเกอร์เป็นคนทำผิดกฏหมาย หรือเป็นคนที่ไม่ดีไม่ได้ ผมว่ามันไม่แฟร์ เพราะเป็นระบบแบบนี้ หลายคนจึงต้องจำยอม หรือยอมจำนนกับสภาพ ซึ่งวันนี้เราพยายามทำทุกอย่างให้โปร่งใสร่วมกัน

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

ด้าน พล.ต.อ.วิสนุ กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากทาง นายวิโรจน์ และสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย โดยทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ จเรตำรวจ และบช.ก.ลงมาดู วันนี้ได้รับข้อมูลทั้งหมด จะไปตรวจสอบดูว่า เกี่ยวข้องและมีการพาดพิงถึงใครบ้าง 

ยืนยันว่า ทางตำรวจ โดยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้เน้นย้ำกำชับมาว่าให้ดูแลที่สุด ใครที่กระทำความผิดไม่ว่าจะเป็นตำรวจทางหลวง หรือตำรวจหน่วยอื่นใด ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ได้ตรวจสอบ เฉพาะตำรวจ หากตรวจสอบพบผู้ที่เข้ามาพัวพัน พาดพิงถึงใคร จะดำเนินการทั้งหมด 

หลังจากนี้คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาจะประชุมนำข้อมูลที่ทาง นายวิโรจน์ นำมามอบให้มาตรวจสอบดูทั้งหมด ยืนยันว่าจเรตำรวจ และตำรวจสอบสวนกลาง จะทำหน้าที่ให้รวดเร็ว และดีที่สุด ทั้งนี้จะทำงานให้อยู่ในกรอบระยะเวลา 15 วัน

“วิโรจน์” หอบข้อมูลส่วยสติกเกอร์ ส่งถึงมือ จตช.

logoline