26 พฤศจิกายน 2565 ตำรวจยังจับต่อเนื่อง คนร้ายที่ใช้โลกออนไลน์ก่อเหตุหลอกลวงประชาชน มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก ล่าสุดทางด้าน "พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง" ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. และ "พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์" ผบก.สส.บช.น. นำกำลังเข้าจับกุม "นายกรัณย์กฤษฏิ์ ชวดชุม" หรือ ปอ หรือ "โค้ชจอห์น 100 ลีลา" อายุ 36 ปี ภูมิลำเนาจ.เชียงใหม่ ข้อหา "ฉ้อโกง" มูลค่าความเสียหายมากกว่า 10 ล้านบาท
โดยการจับกุมครั้งนี้เป็นไปตามหมายจับ 3 หมายจับ ของศาลอาญาพระโขนง ศาลแขวงธนบุรี ศาลแขวงกระบี่ ในข้อหาฉ้อโกงประชาชน ยักยอก ฉ้อโกง ปลอมเอกสาร และใช้หรืออ้างเอกสารปลอม พร้อมตรวจยึดทรัพย์เป็น บัตรเอทีเอ็ม 2 ใบ สมุดบัญชีธนาคาร 4 เล่ม สำเนาสลิปที่เกี่ยวข้อง 2 แผ่น โทรศัพท์มือถือ เอกสารระบุสัญญาร่วมลงทุน ซึ่งจับกุมได้ที่บริเวณริม ถ.ประตูขาว ต.คลัง อ.เมืองนนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ผู้เสียหายรวมตัวกันกว่า 140 ราย ขอความช่วยเหลือทางเพจ "สืบสวนนครบาล IDMB" ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายกรัณย์กฤษฏิ์ ซึ่งมักจะใช้ชื่อเรียกตัวเองว่า "โค้ชจอห์น" แอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น โดยเนื้อหาที่สอนนั้นกลับมีเพียงคลิปวีดิโอ 4 คลิป ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานทั่วไป แต่โค้ชจอห์น จะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อไม่ต่ำกว่า 140 คน
นอกจากนี้ ยังมีพฤติกรรมเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์ โดยใช้ความเชื่อทางศาสนาหลอกลวงผู้คน เช่น หลอกซื้อขายเช่าบูชาพระ หลอกซื้อขายซิมโทรศัพท์เบอร์มงคล หลอกจัดทำบุญกฐิน
ขณะเดียวกัน เมื่อตรวจสอบประวัติพบว่า นายกรัณย์กฤษฏิ์ เป็นคนพื้นเพที่ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ จากนั้นได้เริ่มเดินสายฉ้อโกงทางออนไลน์ เปลี่ยนถิ่นที่อยู่ไปอยู่ในพื้นที่ ต.แม่เหียะ อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ เพื่อปกปิดตัวตนที่แท้จริง จนกระทั่งได้ผันตัวมาเป็นครูสอนเทรดหุ้น โดยใช้ชื่อเรียกตนเองว่า "โค้ชจอห์น" พร้อมแอบอ้างว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนเกี่ยวกับหุ้น
ทั้งนี้ จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา พร้อมกับเปิดเผยว่าเรียนจบระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทำงานเป็นพนักงานจัดซื้อจนถึงปี 52-53 ก่อนผันตัวมาเป็นพ่อค้าออนไลน์ และทำธุรกิจอีกหลายอย่าง กระทั่งได้เริ่มเข้าสู่การเทรดหุ้น แต่ด้วยราคาหุ้นตกทำให้ไม่มีเงินไปคืนคนอื่น จึงตัดสินใจตัดช่องทางการติดต่อ แต่มีบางรายได้จ่ายเงินชดใช้เป็น เช็คเงินสด แต่ก็เป็นเช็คที่ไม่สามารถสั่งจ่ายได้
ส่วนการฉ้อโกงขายพระนั้นอ้างว่ามีความรู้เรื่องพระ ไม่ได้มีเจตนาฉ้อโกงแต่อย่างใด ส่วนสาเหตุย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ใน จ.เชียงใหม่ นั้นเนื่องจากคนรู้จักให้ไปใช้ชื่อเป็นเจ้าบ้าน ก่อนจะกลับมาอยู่ในพื้นที่่ อ.เมืองนครศรีธรรมราช โดยรู้สึกสำนึกในการกระทำของตัวเอง แต่ยังไม่มีเงินไปคืนให้กับผู้เสียหาย
ขณะที่ พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า จากคำให้การในชั้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบพยานข้อมูลเสียหายและข้อมูลจากการสืบสวนนั้นขัดแย้งกัน คนร้ายรายนี้หลอกนักลงทุนหุ้น หลอกลวงขายพระเครื่อง ซึ่งต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ในการหลอกลวง และใช้ความเชื่อเรื่องศาสนา หลอกลวงมาไม่ต่ำกว่า 4 ปี มีความชำนาญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง
"กลุ่มผู้เสียหายนักลงทุนหุ้นหน้าใหม่ถึงขนาดยอมนำเงินมาให้คนร้ายรายนี้เทรดให้ จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกแจ้งผ่านเพจ บก.สส.บช.น. หรือท้องที่แจ้งความเพื่ออายัดตัวดำเนินคดี ส่วนท่านใดเมื่อใดถูกชักชวนให้ลงทุนใดๆ ให้ตรวจสอบผ่านทางอินเตอร์เน็ตว่า มีชื่อหรือบัญชีธนาคารดังกล่าว แจ้งเตือนอยู่ในกลุ่มผู้หลอกลวงหรือไม่ เพื่อยืนยันก่อนทุกครั้ง" พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าว