ญาติ... “เหยื่อหึงโหด” เปิดใจก่อนรับศพ

จากกรณีหนุ่มใหญ่ วัย 60 ปี “หึงโหด” แค้นอดีตสาวคนรัก “ตีตัวออกห่าง” บุกยิงดับคาลานจอดรถชั้นใต้ดินอาคารบุมพินีเพลส​ ย่านเหม่งจ่าย ก่อนวิ่งหนีขึ้นแท็กซี่ ปมเหตุฝ่ายหญิงทนพฤติกรรมความรุนแรงไม่ไหว ตำรวจเร่งล่าตัวดำเนินคดี (อ่านเพิ่มเติม)

วันนี้​ (10 ต.ค.)​ เมื่อเวลา​ 12.30​ น. ที่นิติเวชรามาธิบดี​ ญาติของนางครองกลม​ (นามสมมุติ)​ อายุ​ 47 ปี​ ผู้เสียชีวิตจากกรณีหนุ่มใหญ่ วัย 60 ปี “หึงโหด” แค้นอดีตสาวคนรัก “ตีตัวออกห่าง” บุกยิงดับคาลานจอดรถชั้นใต้ดินอาคารบุมพินีเพลส​ ย่านเหม่งจ่าย ได้เดินทางเข้าของรับศพ​ เพื่อนำกลับบ้านไปประกอบพิธีทางศาสนา​

โดย​ นางสาวเอ ลูกสาวของนางครองกมล(ผู้เสียชีวิต) เปิดใจ โดยยอมรับว่า รู้สึกหวาดผวา กับเหตุการณ์ที่ “นายสถาพร หรือ ลุงพงศ์” อดีตสามีแม่ มาดักรอที่ลานจอดรถ คอนโดฯ โดยที่ตนเองและครอบครัวไม่ทราบมาก่อน แต่แม่สังเกตเห็นจังหวะ ที่ลุงพงศ์ก้าวเดินลงมาจากชั้นบน คล้ายสะกดรอยตามรถของตนมา ก่อนที่รถของตนซึ่งมีแฟนเป็นคนขับ จะเคลื่อนตัวมาหยุดที่ลานจอด โดยมีตนและแม่นั่งอยู่ด้านข้าง 

จังหวะที่กำลังรอ แฟนของตนจอด จู่ๆ ทาง คนก่อเหตุ ก็ได้เดินมาหาทางตนและแม่ ก่อนแม่จะพูดว่า “ลุงพงศ์” เพื่อให้ตนหันไปดู จังหวะนั้นเองด้วยความตกใจตนกับแม่เลยสะดุดล้มกัน และเห็นว่าทาง “ลุงพงศ์” ได้ขึ้นลำปืนเตรียมจ่อยิงจำนวน 1 นัด แต่กระสุนด้าน ระหว่างนั้น ทางแม่ของตนได้ไล่ให้ตนวิ่งหลบหนีขึ้นไปข้างบน ส่วนแม่ก็วิ่งหนีมาอีกฝั่งหนึ่ง ด้านหลังรถ แต่ นายพงศ์ ก็พยายามวิ่งไล่ตามตนและทางแฟนของตนที่ขับรถหนี  จากนั้น ตนเองก็พยายามไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รปภ.และคนในคอนโด ก่อนจะได้ยินเสียงปืน 1 นัด ซึ่งเชื่อว่านายพงศ์น่าจะก่อเหตุยิงคุณแม่ โดยตนไม่เห็ยเหตุการณ์ เพิ่งจะมาเห็นเหตุการณ์จริงๆ ในกล้องวงจรปิดตามภาพ

ส่วนมูลเหตุนั้น เกิดจากที่นายพงศ์โกรธแค้นหลังจาหที่ครอบครัวไปแจ้งความดำเนินคดีในฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว เนื่องจกาตนเองทราบเรื่องเมื่อวันที่ 12 ส.ค. ขณะที่ตนเเินทางไปร่วมงานศพของคุณยายที่จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทางคุณแม่ได้เล่าให้ฟัฃว่านายพงศ์เองได้ใช้กำลังทุบตีคุณแม่มาแล้ว 3 ครั้ง โดยมีหลักฐานเป็นบาดแผลตามร่างกายที่ปรากฎก รวมถึงคุณแม่เองได้ร้องขอให้ตนพาหลบหนีออกจากพื้นที่เพื่อมาพักอาศัยที่กรุงเทพ แต่ปรากฎทางนายพงศ์เองก็ได้สะกดรอยตามมาหาคุณแม่อีกครั้ง และมีการลักพาตัวคุณแม่จากคอนโดที่เก่า ในช่วงวันที่ 6 ก.ย. 

หลังจากนั้น ตนเองได้มีการแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง ก่อนจะมีนัดเจรจาเมื่อวันที่ 8 ก.ย. โดยมีการซ้อนเเผนให้ตำรวจเข้าจับกุมในฐานพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาติ ก่อนที่ทางนายพงศ์ ได้ขอประกันตัวปล่อยตัวชั่วคราวในชั้นศาล จากนั้นนายพงศ์ได้เดินทางกลับที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และเข้าไปก่อเหตุลักทรัพย์ภายในบ้านที่ใต้ ซึ่งเป็นบ้านของคุณแม่ โดยทางนายพงศ์ เองได้เข้าไปลักขโมยในส่วนของแบรนด์เนมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหมวก กระเป๋า แว่นตา มูลค่าประมาณ 3 แสนกว่าบ้าน หลังจากนั้นเมื่อไม่นานประมาณ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางนายพงศ์เองยังก่อเหตุลอบวางเพลิงที่บ้านอีกครั้ง แต่ชาวบ้านช่วยดังเพลิงไว้ได้ทัน ก่อนที่ญาติๆที่ใต้จะเข้าแจ้งความดำเนินคดีในพื้นที่

ดังนั้นจึงเชื่อว่าเป็นความสาเหตุของความโกรธแค้น ในการลงมือเอาชีวิตคุณแม่ครั้งนี้ ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่มล่เรื่องของปมชู้สาว เพราะคุณแม่เองพยายามตีตัวออกห่าง แต่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมเลิกราหลังแต่งงานอยู่กินกันมา 2 ปี อย่างไรก็ตามหากคุณแม่รับรู้ ตนอบากบอกกัลคุณแม่ว่าไม่ต้องห่วง เดียวหนูจะดูแลน้องและครอบครัว ตนพร้อมจะเอาตัวรอดได้ ขณะที่ในส่วนเรื่องของคดีเองตนก็อยากจะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับคนร้ายให้ได้ เพราะส่วนตัวและครอบครัวหวาดระเเวง ว่าหากยังไม่สามารถจับกุม กลัวคนร้ายจะน้อนกลับมาทำร้ายในพิธีฌาปนกิจ ทางญาติเองยังไม่ขอระบุสถานที่จัดงานศพ เพราะห่วงความปลอดภัย

ด้าน “นายบี” แฟนหนุ่มของลูกสาวผู้เสียชีวิต ยืนบันว่าสาเหตุเกิดจากการที่ “นางพงศ์” พยายามที่จะเข้ามาเพื่อมาหาผลประโยชน์กับทางคุณแม่ เนื่องจากคุณแม่เป็นคนแม่มีความสามารถ มีคอนเนคชั่นและทำธุรกิจเก่ง ตลอดจนมีเพื่อนฝูงที่เป็นนักธุรกิจจำนวนมาก ทำให้ง่ายต่อการต่อธุรกิจของเขาที่เกี่ยวกับร้านที่เปิดเป็นวัสดุก่อสร้าง โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าวันดังกล่าวตนเองกลัวและทำอะไรไม่ถูก ขณะที่นั้งอยู่ภายในรถรู้สึกสับสนว่าจะเร่งเครื่องชน หรือจะไปช่วยแฟนสาว หรือคุณแม่ของแฟนสาวก่อน แต่เห็นว่าแฟนสาววิ่งหนีไปและคุณแม่เองวิ่งหนีไปทางอื่น ตนเลยตัดสินใจรีบขับรถออก เพื่อไปรอรับทั้งคู่ จนกระทั้งได้ยินเสียงปืนจำนวน 1 นัดและได้ไปบอก รปภ. ก่อนที่จะมาย้อนดูกล้องวงจรปิด พบว่านายพงศ์เอง มีความพยายามจะเอาชีวิตครอบครัวของตน ส่วนตัวก็อยากเร่งให้จับคนร้ายให้ได้ เพราะตนเองก็ห่วงความปลอดภัยที่เกิดขึ้น ถามว่าแล้วเขาเองทราบที่อยู่ใหม่ได้อย่างไร ทั้งที่เราเองเพิ่งน้ายมาได้ไม่ถึงเดือน ทางเข้าตัวบอกว่าเขาเองคงสะกดรอยตามรถของคุณแม่มา เนื่องจากรถคันที่ตนขับเนั้น​ป็นรถที่คุณแม่ของแฟนเคยใช้