รายการคมชัดลึก เนชั่นทีวี ดำเนินรายการโดย "วราวิทย์ ฉิมมณี" ได้มีโอกาสเปิดใจ "นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์" ว่าที่เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งจะมีการเปิดตัว"พรรครวมไทยสร้างชาติ"เวอร์ชั่นใหม่ในวันที่ 3 ส.ค.นี้
"นายเอกนัฏ" ยอมรับว่า ได้รับการทาบทามจาก "นายพีระพันธ์ุ สาลีรัฐวิภาค" ผู้ซึ่งจะรับตำแหน่งหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ต้องการทำอะไรใหม่ๆ โดยที่ตัดสินใจออกจากพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมองเห็นศักยภาพในตัวของ "นายพีระพันธ์ุ" ตั้งแต่อยู่ในพรรคประชาธิปัตย์ด้วยกัน และเคยผลักดันให้"นายพีระพันธ์ุ" ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้รับเลือก ซึ่งการออกจากพรรคประชาธิปัตย์ก็เป็นการจากลาด้วยดีที่ยังเคารพต่อพรรคเสมอ
รวมไทยสร้างชาติ ไม่ใช่นั่งร้าน “บิ๊กตู่”
เมื่อ "วราวิทย์" ถามว่า รวมไทยสร้างชาติจะเป็นพรรคสำรอง เพื่อเป็นนั่งร้านให้กับ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หรือไม่
"นายเอกนัฏ" ปฏิเสธเสียงดังฟังชัด ถึงเจตนารมณ์ของการมาร่วมงานกับ"พรรครวมไทยสร้างชาติ" ไม่ได้ทำเพื่อใคร หรือเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับพลังประชารัฐ หรือ "พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา" ให้มาเป็นหัวหน้าพรรคในอนาคตเพื่อปูทางเป็นนายกรัฐมนตรี
"ผมไม่ได้ตั้งพรรค เพื่อเป็นนั่งร้านให้ใคร เราไม่ตอแหล ดัดจริต เพราะหาก นายพีระพันธ์ุ เป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคก็จะเสนอชื่อ นายพีระพันธ์ุ เป็น นายกรัฐมนตรี อย่าคิดซับซ้อน เพราะเหตุผลของการรวมตัวกัน เนื่องจากเราอยากสร้างการเมืองใหม่ เพราะเห็นการเมืองที่น่าเบื่อ มีแต่ข่าวการต่อรองทางผลประโยชน์ทางการเมือง และมีหลักฐานการแจกกล้วย ที่ช่วงชิงผลประโยชน์กันตั้งแต่ยังไม่ลงสนามเลือกตั้ง เบื่อพฤติกรรมเหล่านี้" นายเอกนัฏ กล่าว
พิธีกร วราวิทย์ ถามเรื่องทุนสนันสนุน 3,000 ล้าน
"นายเอกนัฏ" ปฏิเสธว่าไม่รู้จริงๆ เมื่อเป็นเลขาธิการพรรค จะขอเข้าไปเช็กสถานะทางบัญชี แต่เชื่อว่าเป็นเรื่องที่จินตนาการกันมากเกินไป เพราะการสนับสนุนพรรคการเมืองย่อมต้องทำตามที่กฎหมายกำหนด
"ผมไม่เสียใจที่เคยเป็น กปปส."
เมื่อพิธีกร : วราวิทย์ ถามถึงเรื่องราวในอดีตที่เคย เคลื่อนไหวทางการเมือง จนได้ฉายาติดตัวว่า เป็นหนึ่งในแกนนำ "กปปส." หากย้อนกลับไปปี 2557 จะเข้าร่วมหรือไม่
"นายเอกนัฏ" ยอมรับว่าการเคลื่อนไหว กปปส. ไม่ได้อะไรเลย เพราะถูกลงโทษตัดสินจำคุก รอลงอาญา แต่เรื่องในอดีตเป็นเรื่องที่ปฏิเสธไม่ได้ และไม่ควรนำอดีตมาทำให้เราก้าวต่ออนาคตไม่ได้ เพราะอดีตแกนนำ กปปส. ก็เคยไปอยู่พรรคพลังประชารัฐ มีตำแหน่งรัฐมนตรีไม่ได้หมายความว่าพลังประชารัฐจะเป็นพรรคของ กปปส.เช่นกัน อย่าเอาอดีตมาตัดสิน เพราะขณะนี้ประเทศบอบช้ำจากสถานการณ์สงครามรัฐเซียยูเครน โรคระบาดโควิด และปัญหาปากท้องเศรษฐกิจ คนไทยลำบากมากพอแล้ว อย่าเอาอดีตมาเกี่ยวข้อง เพราะประเทศชาติไม่ได้ประโยชน์อะไร ถึงเวลาที่จะปล่อยวาง
"วันนี้ผมออกมาแล้วเข็ดแล้ว แต่ย้อนกลับอดีตไม่ได้ เพราะสถานการณ์ในอดีต เรื่องทางสภาฯ เป็นเรื่องที่รับไม่ได้จึงออกมาเคลื่อนไหว แต่เมื่ออยู่กับปัจจุบัน ขออย่าเหมารวมว่า "พรรครวมไทยสร้างชาติ" จะเป็น "กปปส." ขีดเส้นใต้ร้อยเส้น ผมจึงต้องการแก้ปัญหาปากท้องให้ประชาชน จะให้ผมจมอยู่กับอดีตได้อย่างไร" นาย เอกนัฏ กล่าว
จับตา “บิ๊กเนม” ทุกสีเข้า"รวมไทยสร้างชาติ"
"วราวิทย์" ถามเรื่องข่าวการทาบทาม "พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์" ที่ถูกตัดสินจำคุกนาน 7 ปี และหลุดจากตำแหน่งรมว.ดีอีเอส ไปพรรคภูมิใจไทย
"นายเอกนัฏ" กล่าวว่า พึ่งคุยกันทางไลน์ เท่าที่คุยเชื่อว่าเป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น และส่วนตัวอยากชักชวนมาร่วมงานด้วยเช่นกัน
"วราวิทย์" พิธีกร ถามว่า มีโอกาส ชวนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. และผู้ก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย หรือชักชวนเพื่อนกปปส. และเพื่อนส.ส.ภาคใต้ พรรคประชาธิปัตย์หรือไม่
"นายเอกนัฐ" กล่าวว่า สำหรับนายสุเทพ สนิทสนมกันเหมือนบิดา เพราะเลี้ยงดูตนเองมาตลอดตั้งแต่เด็กจนโต แต่เชื่อว่าเรื่องทางการเมืองเป็นเรื่องที่ตนเองแยกย้ายมาทำงานตั้งแต่ปี 2562
ซึ่งนายสุเทพ คงไม่ได้มาคล่องเกี่ยว เพราะต่างคนต่างเดินตามแนวทางการทำงานของตนเอง นายสุเทพ ก็คงทำพรรครวมพลังประชาชาติไทยต่อไป
"นายเอกนัฏ" กล่าวถึงอนาคตของตนเอง ในการทำพรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนแนวคิดและอุดมการณ์กับอดีตแกนนำเสื้อแดง ซึ่งแม้อดีตจะมีแนวคิดคนละขั้ว แต่เมื่อวันเวลาก็มีโอกาสได้แลกเปลี่ยนแนวคิดระหว่างกันจนเข้าใจกันว่าเรื่องอดีตควรยุติและทิ้งเอาไว้ข้างหลัง ซึ่งหากมีแนวคิดการทำงานเดียวกันในอนาคตกลุ่มขั้วการเมืองที่หลากสีอาจมาร่วมมือกันก็ได้
"ผมเกิดจาก ส.ส.เขต เราจะเน้นให้พรรครวมไทยสร้างชาติ ส่งส.ส.แบบเขต มากกว่า ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และตั้งเป้าหมายว่าจะได้ ทั้งหมด 40-50 ที่นั่ง เข้าวินแน่นอน ขอให้ดูวันเปิดตัวพรรค" นายเอกนัฏ กล่าว