"เครือเนชั่น"ระดมพลังความคิด ผลักดันข้อเสนอทางออกไทยก้าวผ่านวิกฤตโลก

เมื่อวันที่ 1 ส.ค.65   "เครือเนชั่น" นำโดย หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ฐานเศรษฐกิจ และเนชั่นทีวี ช่อง 22 ร่วมกันจัดงานสัมมนา Thailand Survival ไทย..จะรอดอย่างไรในวิกฤติโลก พบภาคธุรกิจผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในหัวข้อ โอกาสและความเสี่ยงจากวิกฤติเศรษฐกิจ

โดย ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย 
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย  ดร.ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย

พร้อมกันนี้ ได้มีการแลกเปลี่ยนมุมมองจาก "ผู้นำพรรคการเมือง" ในหัวข้อ "เศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร?"  โดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม  ประธานนโยบายพรรคประชาธิปัตย์  นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคสร้างอนาคตไทย อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายวรภพ วิริยะโรจน์ ทีมเศรษฐกิจ พรรคก้าวไกล

ทั้งนี้ "นายฉาย บุนนาค"  ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์)  เปิดเผยถึงวัตถุประสงค์การจัดงานครั้งนี้ ว่า เรามองเห็นว่ามีปัญหาเศรษฐกิจต่างๆ  รุมเร้าประเทศไทย  ในฐานะองค์กรสื่อ องค์กรทางความคิด ขออาสาถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์จากวิทยากร รวมถึงแกนนำพรรคการเมือง ผู้มีบทบาทขับเคลื่อนประเทศชาติในอนาคต ให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบได้รับฟัง

ปัญหาที่เราพูดถึง เช่น สถานการณ์โควิด มีผลต่อเศรษฐกิจ เรียกว่า แผลยังไม่แห้ง ก็มีปัญหาใหม่เข้ามา ยังมาเจอปัญหาความขัดแย้งสงครามรัสเซีย -ยูเครน ส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันสูงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ  ส่งผลกระทบต่อโดยตรงต่อต้นทุนสินค้าและบริการทั่วทั้งโลก เกิดภาวะเงินเฟ้อ  สหรัฐก็ต้องปรับอัตราดอกเบี้ยรอบสี่ห้าเดือน ปรับขึ้นแล้วรวมสองถึงห้าเปอร์เซนต์  เงินลงทุนไหลออกไปอีก  ทั้งหมดถือเป็นความท้าทายผู้ประกอบธุรกิจ เป็นปัญหากระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง  

"ผมเชื่อมั่นว่า การถ่ายทอดสาระดีๆ จากการจัดงานวันนี้  หากเอกชนได้รับมุมมอง จากวิทยากร จากแกนนำพรรคการเมืองนำไปปรับใช้ หากภาคเอกชนแข็งแรง เดินทางในทิศทางที่ถูกต้อง เอกชนจะเป็นฟันเฟืองที่สำคัญต่อรากฐานของประเทศ " ประธานกรรมการผู้บริหารเครือเนชั่น กล่าว  

ทั้งนี้ ในส่วนแกนนำพรรคการเมืองที่เข้าร่วมสัมมนา ได้สะท้อนมุมมองความคิดผ่านหัวข้อ  "เศรษฐกิจไทยจะก้าวผ่านอย่างไร?" ไว้อย่างน่าสนใจ อาทิ  นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา กล่าวตอนหนึ่งว่า  ภาพรวมที่เกิดขึ้นกับไทย คือโลกและตัวเรา โดยขอเสนอแนวทางของไทยเป็น 2 ส่วน  เริ่มที่ปัญหาเฉพาะหน้า วันนี้เศรษฐกิจมีปัญหาเงินเฟ้อ สงคราม การที่จะหวังนักลงทุนคงลำบาก  นักท่องเที่ยวที่เคยเข้ามามากขณะนี้ลดลง ดังนั้นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่ม SME  ที่มีความเป็นห่วงหากอยู่ไม่ได้ แล้ววันหนึ่งหากนักท่องเที่ยวกลับมาจะทำอย่างไร วันนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดคือท่องเที่ยว เขาไม่ต้องการความเชื่อมั่นอะไรยาวๆ เหมือนนักลงทุน แค่มาเที่ยวแล้วปลอดภัย รวมถึงเสริมความง่ายในการเข้าประเทศ จะช่วยส่งเสริมในส่วนนี้ จากนั้นเรื่องสินค้าราคาแพง ไฟฟ้าจะขึ้นราคาอีก รัฐบาลต้องลงมาช่วยเรื่องสินอุปโภคบริโภคอย่างจริงจัง และพลังงานที่แพงที่ควบคุมไม่ได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือการประหยัดพลังงานอย่างจริงจังนั่นเอง 

ขณะที่ช่วงฟื้นฟูหลังเกิดวิกฤตโควิด-19 เราจะต้องเตรียมการสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไป และประเทศไทยต้องหาตัวตนของตนเอง โดยเสนอ 5 เรื่อง คือ หาตัวตนหาจุดแข็งของไทยและนำมาใช้ โดยมองว่าของเราคือด้านเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว ถัดมาต้องรีสตาร์ทเรื่องพลังงาน ที่เราผูกติดกับพลังงาน ควรจะมาใช้พลังงานทดแทนให้มาเป็นพลังงานหลัก

อ่านข่าวเพิ่มเติม>>>

• "ดร.กอบศักดิ์" ชี้ทางออก ฝ่ามรสุมวิกฤตเศรษฐกิจโลก
• "สนธิรัตน์"ขอ 8 เดือนสุดท้ายรบ.อย่าบริหารแบบประชานิยมจะยิ่งซ้ำเติมปชช.
• "อรรถวิชช์"ชงทฤษฎีไม้เสียบลูกชิ้นปรับรัฐร่วมเอกชนสู้การแข่งขันทางศก.
• เพื่อไทย เสนอ 6 ก้าวสำคัญพาไทยก้าวข้ามวิกฤตเศรษฐกิจโลก
• "พิสิฐ"แนะให้ความรู้ด้านการเงินปชช.เพื่อติดดาบแก้หนี้

ขณะที่ "นายสุพันธุ์ มงคลสุธี" ประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคไทยสร้างไทย กล่าวตอนหนึ่งในงาน Thailand Survival ไทย.. จะรอดอย่างไรในวิกฤตโลก จัดโดยเครือเนชั่น ว่า พรรคไทยสร้างไทยพร้อมเสนอตัวเป็นความหวังในการฟื้นเศรษฐกิจประเทศโดยเริ่มตั้งแต่คนตัวเล็ก ในสภาวะเช่นนี้มีคนอยู่ 2 กลุ่ม คือ คนที่อยู่ในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก ทุกวันนี้เราแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วยการจ่ายเงิน แต่ไม่ได้มองว่าทำยังไงให้เขามีรายได้ เรามองแต่ GDP ซึ่ง 30% ก็มาจากการส่งออก และบริษัทขนาดใหญ่ ก็ส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่บริษัทสัญชาติไทย

โดยมีทางออก 3 ประเด็นคือ ตอนนี้เราต้องให้โอกาสอุตสาหกรรมไทยและ SMEs ให้ได้รับการส่งเสริมการลงทุนได้ง่ายขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเขาได้เติบโตในประเทศ และส่งเสริมให้อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไปแข่งขันต่างประเทศ เพื่อไม่มาปิดทับโอกาสของธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ต่อมาเราต้องดูความถนัดของประเทศ บ้านเราถนัดด้านเกษตร อาหาร สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ เรามีเทคโนโลยีมากมายที่จะมาส่งเสริมคุณภาพการผลิตและลดต้นทุนการเกษตร เช่น ดาวเทียมเพื่อหาโซนนิ่งในการทำเกษตร มาจับคู่กับความต้องการของตลาดให้ถูก

การพัฒนาการขนส่งและจัดการน้ำ ส่งเสริมโปรเจคทำปุ๋ยจากแร่โปแทสเซียมที่มีอยู่มากใน จ.ชัยภูมิ และสุดท้าย คือ เราต้องลดกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคในการทำมาหากิน เช่น เครื่องสำอางไทยไทยก็สู้เกาหลีได้ แต่เราติดขัดเพราะกฎเกณฑ์ เช่น อย. ควรให้ดูเฉพาะยารักษาโรค แต่สินค้าอื่นๆ เช่น อาหาร น้ำ ให้ใช้กฎหมายอื่นดูแล เช่น กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภค เพื่อลดขั้นตอนการขอใบอนุญาต และให้ง่ายต่อการทำมาหากิน