กรณีภาพเหตุการณ์จากสถานการณ์จริงที่นายปิยะพงษ์ สุขชนะ ประธานมูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ทุ่งสงนครศรีธรรมราช ได้นำมาเผยแพร่ข้อเท็จจริง หลังจากที่เกิดเหตุถูกโพสต์ตำหนิการขับขี่รถด้วยความเร็ว แต่ด้วยเจตนาที่ต้องการไปรับผู้ป่วยวิกฤติ และข้อเท็จจริงตามภาพที่มีการขวางรถกู้ภัยจนมีความล่าช้ากว่าที่ควรถึงราว 1 นาที หลังจากนั้นได้ไปรับผู้ป่วยอยู่ในสภาพหมดสติ และบนรถเจ้าหน้าที่กู้ชีพได้พยายามทำ CPR หรือการกู้ชีพแต่ท้ายที่สุดผู้ป่วยที่ปรากฎในภาพได้เสียชีวิตลง นี่คือเหตุผลสำคัญที่มูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ได้ทำการชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
ความคืบหน้าในเรื่องนี้ (28 ก.ค.65) มีรายงานว่าคณะกรรมการบริหารมูลนิธิสยามร่วมใจปู่อินทร์ ได้มอบหมายให้นายธนเดช ทองคำชุม เป็นตัวแทนของมูลนิธิ ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร้อยตำรวจเอกวินิจ อินทร์คง พนักงานสอบสวน สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยมีหลักฐานเป็นโพสต์ต้นเรื่องของผู้โพสท์ที่ถูกระบุภายหลังว่าเป็นผู้ช่วยพยาบาลของโรงพยาบาลในอำเภอทุ่งสง พร้อมทั้งข้อความที่เกี่ยวข้อง และได้นำหลักฐานในส่วนของมูลนิธิเป็นคลิปภาพจากกล้องหน้ารถ กล้องในพื้นที่ช่วยเหลือผู้ป่วย ซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง มอบให้พนักงานสอบสวนพิจารณา โดยได้แจ้งความร้องทุกข์ในประเด็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และ ความผิดตาม พรบ.คอมพิวเตอร์ หลังจากพิจารณาแล้วเห็นว่าโพสต์ต้นเรื่องได้สร้างความเสนื่อมเสีย ก่อให้เกิดความเสียหายต่อมูลนิธิ โดยพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งและจะได้พิจารณาพยานหลักฐานเพื่อเรียกผู้ถูกกล่าวหามาทำการสอบปากคำตามขั้นตอน
ส่วนกรณีข้อพิจารณาเรื่องการกระทำความผิดตาม พรบ.จราจรหรือไม่ต่อการขับขี่รถยนต์ของผู้ที่โพสต์และอ้างว่าเป็นผู้ขับขี่รถยนต์เก๋งในคลิปนั้น นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของ สภ.ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนเข้าตรวจสอบคลิปภาพพฤติการณ์ มีลักษณะเข้าข่าย พรบ.จราจรทางบก 2534 มาตรา 34 ในการใช้ทางเดินรถที่ได้จัดแบ่งช่องเดินรถในทิศทางเดียวกันไว้ตั้งแต่สองช่องขึ้นไปหรือที่ได้จัดช่องเดินรถประจำทางไว้ในช่องเดินรถซ้ายสุด ผู้ขับขี่ต้องขับรถในช่องซ้ายสุดหรือใกล้กับช่องเดินรถประจำทาง และมาตรา 35 รถที่มีความเร็วช้า หรือรถที่มีความเร็วต่ำกว่าความเร็วของรถคันอื่นที่ขับในทิศทางเดียวกัน ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ใกล้ขอบทางเดินรถด้านซ้ายเท่าที่จะกระทำได้ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบและจะเรียกผู้ขับขี่รถคันที่ปรากฎมาเปรียบเทียบปรับในอัตราโทษปรับที่กำหนดต่อไป