19 กรกฎาคม 2565 กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เปิดเผยผลสำรวจ โดย นายแพทย์ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด-19 ที่มีมาตรการผ่อนคลายให้ประชาชนสามารถสวมหน้ากากอนามัยโดยความสมัครใจ โดยปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข
กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ โดยกองสุขศึกษาจึงได้ทำการสำรวจการเฝ้าระวังการตัดสินใจต่อมาตรการปลดล็อกการสวมหน้ากากอนามัยในพื้นที่เฝ้าระวังและพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว ระหว่างวันที่ 17 – 30 มิถุนายน 2565 ผ่านระบบออนไลน์
การสำรวจได้รับความร่วมมือจากสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย หอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาเด็กและเยาวชนแห่งประเทศไทย สถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาและวิทยาลัยเทคนิคในพื้นที่เป้าหมาย จำนวน 7,507 ราย พบว่า
ทั้งนี้ ยังคงมีประชาชนที่เลือกถอดหน้ากากอนามัยในบางสถานที่หรือบางสถานการณ์ที่ยังมีความเสี่ยง ดังนี้
จากผลสำรวจพบว่า ประชาชนไม่สวมหน้ากากในสถานบริการ สถานบันเทิง ซึ่งอาจมีความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 จากการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และหากใช้แก้วน้ำในการดื่มเครื่องดื่มร่วมกันจะแพร่กระจายเชื้อโควิด 19 ได้มากเช่นกัน
ด้านทันตแพทย์อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ถึงแม้มีการผ่อนคลายมาตรการให้สวมและถอดหน้ากากตามความสมัครใจ ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ขณะนี้ยังทรงตัวและอาจมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น จึงขอแนะนำให้ประชาชนยังคงป้องกันตนเองอย่างเหมาะสม สวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ร่วมกับผู้อื่น ในสถานที่ที่มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก รวมทั้งสถานที่ที่อากาศไม่ถ่ายเท
สำหรับผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง โดยเฉพาะ กลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุและหญิงตั้งครรภ์ รวมทั้งผู้ที่มีโรคประจำตัว และผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้บริการหรือใกล้ชิดบุคคล ควรสวมหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธีตลอดเวลา เมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น และเคร่งครัดมาตรการป้องกันการติดโรคโควิด 19 ขั้นสูงสุดแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention : UP) โดยเฉพาะล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ หากสงสัยว่าตนเองเสี่ยงควรตรวจด้วย ATK คัดกรองเบื้องต้น ทุก 3 - 5 วัน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงและการแพร่กระจายไปยังกลุ่มเพื่อน และในครอบครัวต่อไป