18 กรกฎาคม 2565 นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า ผู้ป่วยในโรงพยาบาลรายใหม่ วันนี้อยู่ที่ 1,814 ราย ปอดอักเสบ 794 ราย และใส่ท่อช่วยหายใจ 369 ราย ส่วนเสียชีวิตจำนวน 17 ราย
อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อเน้นผู้ป่วยนอนในโรงพยาบาล แต่ยังมีข้อมูลอื่นๆอีก คือ กรณีรักษาแบบผู้ป่วยนอก ซึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวน 143,827 คน อีกข้อมูลประชาชนรายงาน ATK และข้อมูลสอบสวนโรคเป็นคลัสเตอร์ ซึ่งใช้ 4 ข้อมูลประกอบกัน แต่ข้อมูลที่ให้ความสนใจมากที่สุด คือ ผู้ป่วยอาการรุนแรงใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต แนวโน้มเพิ่มเล็กน้อย สิ่งที่ต้องจับตาคือ หลังหยุดยาวจะเป็นอย่างไร
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในจำนวนผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิต ส่วนใหญ่ยังเป็นกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล จังหวัดใหญ่ ซึ่งในช่วงเทศกาลมีประชาชนทำงานในกรุงเทพฯและปริมณฑล เดินทางกลับภูมิลำเนา อาจมีเหตุการณ์ติดเชื้อต่างจังหวัดได้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขกำลังจับตา รวมทั้งช่วงนี้นักเรียนเปิดเทอมอีกด้วย
“ที่น่าสนใจ คือ ระยะหลังพบว่า กลุ่ม 608 แม้ฉีดวัคซีน 3 เข็มแล้วยังเสียชีวิต โดยเฉพาะหลังฉีดเข็ม 3 แล้ว 3-4 เดือน ดังนั้น อนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคแนะนำว่าการฉีดเข็มกระตุ้นเข็มต่อไปควรห่างจากเข็มล่าสุดประมาณ 3-4 เดือน อีกกลุ่มหนึ่งสำคัญ คือ ผู้ป่วยโรคไต ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังที่พบการเสียชีวิตมากสุด ถึง 36 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิต 152 ราย” นพ.โอภาส กล่าว
นพ.โอภาส กล่าวอีกว่า ขณะนี้การลดการเสียชีวิตในกลุ่มผู้มีโรคประจำตัว ผู้สูงอายุ สำคัญมากเพราะที่เสียชีวิตขณะนี้พบว่าเกือบ 100 % เป็นกลุ่มนี้ จึงต้องมีการฉีดเข็มกระตุ้นตามที่ สธ. กำหนด
ส่วนกลุ่มที่ฉีดวัคซีนไปแล้วภูมิต้านทานขึ้นไม่ดี ร่างกายไม่สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ ทางศบค. และ สธ.ได้จัดหาภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป (LAAB) มาให้ในกลุ่มป่วยโรคไตเรื้อรังที่ต้องฟอกไต ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ ซึ่งจะเข้ามาล็อตแรกสัปดาห์หน้า 7 พันชุด 1ชุดมายา 2 ตัว ฉีดสะโพก 2 ข้าง อยู่ได้นาน 6 เดือน
กลุ่มเป้าหมายคือผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวที่มีอายุ 12 ปีขึ้นไป โดยให้อยู่ในดุลพินิจของแพทย์ที่ดูแลผู้ป่วยรายนั้นด้วยไม่ว่าจะเป็นอายุรแพทย์ กุมารแพทย์ แพทย์เจ้าของไข้ โดยคำนึงถึงความเสมอภาคและความเป็นไปได้ ส่วนยาที่เหลือจะทยอยเข้ามาจนครบ 2.5 แสนชุด