ประธานาธิบดีราชปักษา ซึ่งประกาศจะลาออกจากตำแหน่งโดยมีผลในวันที่ 13 ก.ค. พร้อมด้วยภริยาพยายามเดินทางออกนอกประเทศด้วยเครื่องบินที่สนามบินบันดารานัยเกเมื่อวันจันทร์ แต่เจ้าหน้าที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไม่ยอมไปที่ห้องวีไอพีเพื่อประทับตราในหนังสือเดินทางให้เขา ขณะที่เขายืนยันว่าจะไม่ใช้ช่องทางปกติเพราะกลัวจะถูกแก้แค้นจากผู้ใช้สนามบินคนอื่น ๆ สุดท้ายเขาพลาดเที่ยวบินไปสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์รวม 4 เที่ยว จึงไปพักค้างคืนที่ฐานทัพอากาศใกล้กับสนามบิน
ในฐานะประธานาธิบดี ราชปักษาได้รับเอกสิทธิ์คุ้มครองจากการถูกจับกุม เขาจึงพยายามหนีออกนอกประเทศก่อนก้าวลงจากตำแหน่ง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกควบคุมตัว เขาหลบหนีออกจากทำเนียบประธานาธิบดีตั้งแต่วันเสาร์ ก่อนที่ฝูงชนเรือนแสนบุกไปยังทำเนียบเพื่อกดดันให้ลาออกจากตำแหน่ง
ล่าสุดมีรายงานว่า ประธานาธิบดีราชปักษากำลังพิจารณาใช้เรือลาดตระเวนของกองทัพเรือเพื่อหนีออกนอกประเทศในวันนี้ (12 ก.ค.) ก่อนหน้านี้เรือของกองทัพเรือถูกใช้เมื่อวันเสาร์เพื่ออพยพประธานาธิบดีราชปักษาพร้อมด้วยผู้ช่วยใกล้ชิดไปยังเมืองท่า ตรินโคมาลี และเขาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบินบันดารานัยเกเมื่อวันจันทร์ แหล่งข่าวบอกว่า เขายังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ เช่าเหมาลำเครื่องบินไปยังสนามบินนานาชาติแห่งที่สองที่เมืองมัตตาลา ที่ไม่มีเที่ยวบินต่างประเทศเข้าออกเลย
นอกจากนี้บาซิล น้องชายคนสุดท้องของประธานาธิบดี ซึ่งลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเมื่อเดือน เม.ย. ก็ไม่สามารถเดินทางด้วยเครื่องบินไปยังนครดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ช่วงเช้าวันนี้ (12 ก.ค.) โดยเจอปัญหาขัดข้องที่สนามบินเช่นกัน
บาซิล ซึ่งถือสัญชาติศรีลังกาและสหรัฐฯ จะใช้บริการอำนวยความสะดวกส่วนบุคคลที่ชำระค่าใช้จ่ายเองสำหรับนักธุรกิจ แต่ทางสนามบินและเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองยกเลิกบริการดังกล่าวโดยมีผลบังคับทันที และผู้โดยสารบางคนไม่ยอมให้บาซิลขึ้นเที่ยวบินเดียวกับพวกเขา ทำให้เขายอมออกไปจากสนามบินอย่างเร่งรีบ