เหตุการณ์ลอบสังหารอดีตผู้นำโลกอย่างชินโซ อาเบะ วัย 67 ปี กลางวันแสก ๆ ในประเทศที่มีสถิติอาชญากรต่ำและไม่เคยมีเหตุรุนแรงจากอาวุธปืน และถือเป็นการลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีครั้งแรกในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น นับตั้งแต่ก่อนสงครามในช่วงทศวรรษที่ 1930 ก่อให้เกิดคลื่นช็อกไปทั่วประเทศ ท่ามกลางถ้อยคำปลอบประโลมและกำลังใจที่หลั่งไหลจากประชาคมนานาชาติ ชาวญี่ปุ่นพากันนำดอกไม้ไปไว้อาลัยในจุดที่นายอาเบะถูกยิง ขณะที่สื่อญี่ปุ่นแพร่ภาพขบวนรถที่นำศพของเขาออกจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์นารา เพื่อกลับไปทำพิธีที่กรุงโตเกียวบ้านเกิดของเขา
นายอาเบะถึงแก่อสัญกรรมเพราะเสียเลือดมาก ก่อนถูกประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อเวลา 17.03 น. ตามเวลาท้องถิ่น คณะแพทย์ของโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยการแพทย์นาราแถลงว่า กระสุนนัดหนึ่งที่คร่าชีวิตอดีตนายกรัฐมนตรี ได้เจาะทะลุหัวใจทำให้เกิดบาดแผลขนาดใหญ่ แม้จะใช้ทีมแพทย์ที่เชี่ยวชาญถึง 20 คน ก็ไม่สามารถหยุดเลือดได้ นายอาเบะมีอาการภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (cardiopulmonary arrest) ตั้งแต่อยู่ในที่เกิดเหตุ แพทย์ยังพบรอยบาดแผลถูกยิงที่คอด้วย
ด้านแพลตฟอร์มโซเชียล ได้แก่ Twitter, Meta บริษัทแม่ของ Facebook และบริษัทอื่น ๆ ได้พร้อมใจกันลบคลิปวิดีโอเหตุการณ์สะเทือนขวัญครั้งนี้ โดยให้เหตุผลว่าฝ่าฝืนกฎเกี่ยวกับเนื้อหาที่เป็นอันตราย ส่วนมือปืนคือ นายเท็ตสึยะ ยามากามิ วัย 41 ปี มีข้อมูลส่วนตัวน้อยมาก ตำรวจระบุว่าเขาเป็นชาวจังหวัดนารา เคยเป็นทหารในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลของญี่ปุ่น (Maritime Self-Defense Force) มีสถานะเทียบเท่ากองทัพเรือ ก่อนไปทำงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเขตคันไซ จังหวัดโอซากา แต่ลาออกเมื่อเดือนพฤษภาคมโดยให้เหตุผลว่าเหนื่อย มีปัญหาสุขภาพ และไม่มีรายงานปัญหาใด ๆ ซึ่งอดีตเพื่อนร่วมงานระบุว่าไม่เคยเห็นว่าเขามีแนวคิดทางการเมืองมาก่อน แต่ตำรวจจังหวัดนาราแถลงว่า นายยามากามิอ้างว่าเขาไม่พอใจองค์กรแห่งหนี่ง และเชื่อว่านายอาเบะเป็นสมาชิกในองค์กรนั้น ๆ
ตำรวจเปิดเผยด้วยว่าจากการสืบสวนขยายผลไปที่หนังสือรุ่น ไม่พบเงื่อนงำว่าเขาอยากเป็นอะไรในอนาคต ส่วนอาวุธที่ใช้ก็เป็นอาวุธปืนที่ทำเอง และเป็นไปได้ว่าพิมพ์จากเครื่องพิมพ์ 3D