ผลการศึกษาที่เผยแพร่โดยคณะเศรษฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยเคียฟ ประเมินว่า ยูเครนได้รับความเสียหายทั้งในส่วนพื้นที่การเกษตร เครื่องจักร และปศุสัตว์รวมมูลค่า 4,300 ล้านดอลลาร์ หรือ ราว 1.5 แสนล้านบาท โดยเกือบครึ่งเป็นความเสียหายจากมลพิษที่เกิดจากกับระเบิด และผลผลิตที่เก็บเกี่ยวไม่ได้ และเกือบหนึ่งในสี่ของมูลค่าความเสียหาย หรือ 926 ล้านดอลลาร์ เป็นความเสียหายต่อเครื่องจักรในพื้นที่การเกษตร สืบเนื่องจากการสู้รบและการยึดครองพื้นที่
รายงานยังประเมินว่าเศรษฐกิจยูเครนจะหดตัว 45% และประชากรหลายสิบล้านคนทั่วโลกจะประสบความหิวโหย เพราะการส่งออกธัญพืชของยูเครนหยุดชะงัก และผลกระทบต่อภาคการผลิตอาหารและการเกษตร
การโจมตีของกองทัพรัสเซียในพื้นที่ศูนย์กลางโครงสร้างด้านเกษตรกรรม ได้ทำลายอาหารปริมาณมาก บวกกับการปิดล้อมท่าเรือยูเครน ทำให้ไม่สามารถส่งออกผลผลิตได้ ซึ่งเป็นการตัดแหล่งรายได้สำคัญของยูเครน แต่ซ้ำเติมวิกฤตอาหารของโลก
ส่วนความพยายามเปิดท่าเรือยังคงชะงักงัน และยังไม่มีความคืบหน้าว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ ส่วนการเก็บกู้กับระเบิดใต้น้ำในบริเวณท่าเรืออาจใช้เวลาหลายเดือน และอาจต้องใช้งบประมาณราว 436 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวเมื่อวันอังคารว่า สหรัฐฯ กำลังร่วมมือกับชาติยุโรปเพื่อสร้างไซโลชั่วคราวตลอดแนวพรมแดนของยูเครนรวมถึงในโปแลนด์ ซึ่งจะทำให้ผลผลิตธัญพืชของยูเครนสามารถส่งออกสู่ตลาดโลกได้ เพื่อให้ราคาอาหารทั่วโลกลดต่ำลง หลังจากพุ่งทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์