15 มิถุนายน 2565 การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี นายชวน หลีกภัย ประธานสภาฯ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้มีการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือ ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ซึ่งเสนอโดย นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และคณะ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอรับไปพิจารณาก่อนรับหลักการ
ทั้งนี้ ก่อนการพิจารณาตามวาระ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธาน วิปรัฐบาล เสนอให้นำร่างกฎหมาย 3 ฉบับ คือ ร่างพ.ร.บ.คู่ชีวิต ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่ง ครม. เสนอ และร่าง พ.ร.บ.คู่ชีวิต ที่เสนอโดย นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ และคณะ เนื่องจากเป็นร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาในทำนองเดียวกัน มาพิจารณาพร้อมกัน
ทั้งนี้ แต่ถูกทักท้วงจาก ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เนื่องจากมองว่าไม่สามารถรวมกันได้ โดย นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เสนอญัตติคัดค้าน พร้อมระบุว่า ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม อยู่ในกระบวนการที่รอการลงมติ ดังนั้นการนำร่างกฎหมาย ที่ยังไม่ได้รับการพิจารณามารวม ย่อมทำไม่ได้ตามข้อบังคับการประชุมสภา เพราะเป็นการเริ่มต้นการพิจารณาวาระแรก พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าหากจะใช้เสียงข้างมากดำเนินการ อาจมีผู้ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญและทำให้กฎหมายตกไปได้ และ นพ.ชลน่าน ศรีน่าน ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน แสดงท่าทีว่าส.ส.พรรคฝ่ายค้าน จะไม่ร่วมลงมติเพื่อตัดสิน
ทั้งนี้ นายชวน ชี้แจงยืนยันว่าการเสนอญัตติเพื่อให้นำร่างกฎหมายขึ้นมาพิจารณาพร้อมกัน ตามข้อเสนอของนายชินวรณ์นั้นสามารถทำได้ และที่ผ่านมาสภา เคยปฏิบัติมาก่อนในปี 2552 อย่างไรก็ดี ตนได้หารือกับผู้ที่มีหน้าที่ปฏิบัติของสภา แล้วเห็นว่าทำได้ พร้อมระบุให้เดินหน้าการลงมติเพื่อตัดสินในญัตติของนายชินวรณ์
อย่างไรก็ดี ส.ส.พรรคฝ่ายค้าน แสดงเหตุผลคัดค้าน พร้อมเสนอญัตติให้สภาร่วมกันวินิจฉัย และแก้ปัญหาของข้อบังคับการประชุม ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 185 โดยมี นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอ
โดยหลังจากที่ประชุมถกเถียงกันเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนจะมีการลงมติตัดสิน ระหว่างการเลื่อนระเบียบวาระ กับ การวินิจฉัยข้อบังคับ โดยมติที่ประชุมเสียงข้างมาก 240 เสียง เห็นชอบกับการเลื่อนระเบียบวาระตามที่นายชินวรณ์เสนอ ขณะที่อีก 4 เสียงเห็นด้วยกับญัตติของนายจุลพันธุ์
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้ลงมติเพื่อตัดสินว่าจะเลื่อนระเบียบวาระหรือไม่ โดยผลการลงมติเสียงข้างมาก 241 เสียง เห็นชอบกับการเลื่อน ไม่เห็นด้วย 1 เสียง ต่อด้วยการลงมติว่าจะใช้การลงมติแยกทีละฉบับ หรือลงมติรวมกัน โดยเสียงข้างมาก 232 เสียงเห็นด้วย ที่จะลงมติแยกทีละฉบับ ส่วนเสียงที่เห็นด้วยให้ลงมติรวมกัน จำนวน 5 เสียง
จากนั้นเวลา 11.50 น.ได้เข้าสู่วาระการพิจารณาตามระเบียบวาระการประชุม