หากยังจำได้ว่า เก้าอี้รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังว่างอยู่อีก 2 ตำแหน่ง จึงยังมีรัฐมนตรีได้อีก 2 คน โดยเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่ มาจากการปลด "ผู้กอง" หรือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ "อาจารย์แหม่ม" นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ จากตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ กับ รมช.แรงงาน ตั้งแต่เดือนก.ย. ปีที่แล้ว
งานนี้ต้องถือว่า "รัฐบาลลุงตู่" สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เพราะปกติเก้าอี้รัฐมนตรีมีแต่จะแย่งกัน ว่างเมื่อไหร่ ต้องหาคนเสียบเมื่อนั้น เพื่อสร้างเสถียรภาพทางการเมืองในพรรครัฐบาล แต่ปรากฏว่าเก้าอี้ 2 ตัวนี้ว่าง นายกฯกลับไม่ตั้งใครแทน และทำท่าจะร้างจนถึงหมดวาระ เพื่อป้องกันการเกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
เนื่องจากการปรับ ครม. ย่อมเกิดแรงกระเพื่อม เพราะตำแหน่งมีน้อยกว่าคนอยากได้ และบางคนก็อยากล้างไพ่ เปลี่ยนเก้าอี้ เช่น เก้าอี้รมว.พลังงาน ซึ่งมีคนหมายปอง จึงอาจมีการเคลื่อนไหวต่อรองจนกระทบเสถียรภาพของรัฐบาลได้เหมือนกัน
แต่ล่าสุดนายกฯ น่าจะเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับ ครม. เพราะ "กนกวรรณ วิลาวัลย์" รมช.ศึกษาธิการ ของพรรคภูมิใจไทย เจอ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดคดีออกโฉนดที่ดินรุกป่าเขาใหญ่ในพื้นที่ปราจีนบุรี และโดนข้อหาละเมิดมาตรฐานจริยธรรมพ่วงท้าย มีโอกาสลงเอยเหมือน "เอ๋" ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พลังประชารัฐ ซึ่งถูกศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และพิพากษาให้พ้นจากตำแหน่งในที่สุด
ถ้าเทียบเวลาการทำงานของ ป.ป.ช. ในคดี "เอ๋ ปารีณา" ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน หลังจาก ป.ป.ช.ชี้มูล และเรื่องถึงศาลฎีกา โดยศาลสั่งหยุดปฏิบ้ติหน้าที่ทันที ถ้าเทียบกรอบเวลาเดียวกัน เผลอๆ กรณี "ครูพี่โอ๊ะ" กนกวรรณ อาจเห็นหน้า เห็นหลัง ก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยซ้ำ
แต่หากจะมีการปรับครม. ถึงอย่างไรนายกฯก็ต้องดึงไปปรับหลังผ่านศึกซักฟอก เพื่อป้องกันแรงกระเพื่อม และอาจนำเก้าอี้มาแลกเปลี่ยนกับการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
การปรับ ครม.หนนี้ คาดว่าเป็นหนสุดท้ายก่อนหมดวาระ แม้จะดูเหมือนง่าย เพราะเก้าอี้ว่าง 3 ตำแหน่ง และเป็นรัฐมนตรีช่วยทั้งหมด แต่เวลาปรับจริง มีสิทธิ์กระเพื่อมหนัก เพราะ
1.โควต้าพรรคภูมิใจไทย จะปรับเฉพาะของตัวเอง หรือขอเก้าอี้เพิ่ม เพราะภูมิใจไทย ได้ ส.ส.เพิ่มมาอีก 10 กว่าคน จากเดิม 50-51 ที่นั่ง แต่ปัจจุบัน 62-63 ที่นั่ง ขณะที่เก้าอี้รัฐมนตรีอยู่ในสัดส่วน ส.ส. 7 ต่อ 1 หรือ 8 ต่อ 1 เท่านั้น
2.ถ้าภูมิใจไทย ขอโควต้าเพิ่ม นายกฯต้องคิดหนักว่าจะเฉือนโควต้าพรรคไหนให้ภูมิใจไทย
-ถ้าเฉือนประชาธิปัตย์ ยุ่งแน่
-ถ้าเอาโควต้าที่ว่างอยู่ 2 เก้าอี้ คือโควต้าพลังประชารัฐ ไปมอบให้ภูมิใจไทย จะเกิดปัญหาภายในพรรคพลังประชารัฐหรือเปล่า
3.กลุ่มก๊วนต่างๆ ในพรรคพลังประชารัฐ จะขยับแย่งเก้าอี้กันอีกหรือไม่ โดยเฉพาะคนอยากเปลี่ยนกระทรวง อย่าง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม จากกลุ่มสามมิตร
ขณะเดียวกัน ต้องไม่ลืมว่า การปรับ ครม.ครั้งนี้ ถ้าเกิดขึ้นจริง จะเป็นการปรับ ครม. ก่อนหมดวาระและเลือกตั้ง ฉะนั้นถ้าผิดใจกัน มีสิทธิ์สะเทือนถึงการเลือกตั้งเลยทีเดียว
4.พรรคเศรษฐกิจไทยจะต่อรองเก้าอี้หรือไม่ เพราะเป็นโควต้าเดิมของผู้กองธรรมนัส กับอาจารย์แหม่ม
5.ถ้านายกฯตัดสินใจปรับ ครม.แบบ "ปรับใหญ่" จะกลายเป็นตอบแทนทางการเมือง มากกว่าหาคนดีคนเก่งมาบริหารประเทศหรือไม่
พูดง่ายๆ คือ ปรับไม่ดี มีแต่เสียกับเสีย แถมเสียคะแนนนิยมอีกต่างหาก โดยเฉพาะถ้าเครือข่ายผู้กอง ได้เข้ามานั่งเก้าอี้รัฐมนตรี ก็อาจทำให้นายกฯตอบสังคมลำบาก
นี่คือโจทย์ยากของการปรับ ครม.