ทนายกฤษณะ เผยเข้าใจความรู้สึก ทนายเดชา หลังขัดแย้งคุณแม๊จนต้องถอนตัว

วันนี้ (26 พ.ค.) ที่ศาลจังหวัดนนทบุรี ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย อดีตทนายความคนแรกในคดีการเสียขีวิตของดารานักแสดงสาว “แตงโม นิดา” ซึ่งปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของพรรคไทยศรีวิไลย์ เปิดเผยกับทีมข่าวถึงกรณี นางภนิดา ศิระยุทธโยธิน มารดาของ “แตงโม” มีความเห็นแตกต่างกับทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความส่วนตัว ที่รับทำคดีการเสียชีวิตของ แตงโม นิดา จนต่อมาทนายเดชา ได้ประกาศยุติการทำคดีให้กับนางภนิดา (อ่านข่าว)

ทนายกฤษณะ ระบุว่า ตนเองก็เพิ่งมาทราบข่าวเมื่อเช้านี้เช่นกัน และไม่ได้ทราบเรื่องโดยตรงจากคุณแม่ หรือ ส.ส.เต้ มาก่อน จนเมื่อทราบเรื่อง จึงได้โทรศัพท์สอบถามไปยัง ส.ส.เต้ ก็ได้รับคำตอบว่า จะให้ตนทำงานเป็นที่ปรึกษาในคดีนี้ อยู่เบื้องหลังเท่านั้น ส่วนเรื่องทีมทนายที่จะขึ้นว่าความในชั้นศาลนั้น ทางนายอัจฉริยะจะเป็นผู้รับผิดขอบในเรื่องนี้แทน ตนยอมรับว่าไม่สบายใจที่เห็นคุณแม่ขัดแย้งกับทนายเดชา จนถึงขั้นประกาศแยกทางกัน แม้จะยังไม่เป็นทางการเหมือนกับตนก็ตาม เพราะทนายเดชายังคงมีสิทธิ์ทำคดีต่อไป จนกว่าสำนวนจะถูกฟ้อง ขึ้นฟ้องต่อศาล หรือไม่ก็ถูกคุณแม่เรียกใบแต่งตั้งทนายความกลับคืน จึงจะถือว่าหมดหน้าที่ในฐานะทนายความไป 

ทนายกฤษณะ กล่าวอีกว่า เรื่องที่ทางนายอัจฉริยะยกทีมฝ่ายกฎหมายเข้ามาดูแลในคดีนี้แทนทนายเดชานั้น แม้ว่าตนจะทำงานให้กับ ส.ส.เต้ ในฐานะที่ปรึกษาฝ่ายกฏหมายของพรรคก็ตาม แต่แนวทางการทำคดีของตนกับนายอัจฉริยะไม่เหมือนกัน แตกต่างกันที่ประเด็นสาเหตุการเสียชีวิตของน้องแตงโม ที่ตนยังเชื่อและสงสัยว่าน้องถูกชนด้วยเรือซ้ำหลังตกลงไปในแม่น้ำ ส่วนนายอัจฉริยะเชื่อว่า น้องแตงโมเสียขีวิตเพราะถูกฆาตกรรมบนเรือ แต่ที่เชื่อตรงกันก็คือเรื่องการไปนั่งฉี่ท้ายเรือนั้นไม่เป็นเรื่องจริง 

ซึ่งหลังจากทีมนายอัจฉริยะจะเข้ามาดูแลคดีนี้แทนหลังจากที่อัยการมีคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6 คนไปแล้ว ทางทีมทนายของนายอัจฉริยะก็จะสามารถยื่นฟ้องไต่สวนมูลฟ้องด้วยตัวเองต่อไปในฐานะการเป็นโจทย์ร่วม ซึ่งสามารถเรียกค่าเสียหายต่าง ๆ ทางแพ่งไปพร้อม ๆ กัน ส่วนตนยืนยันว่า ไม่กลับไปเป็นทนายในคดีนี้ต่อขอทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาในคดีเท่านั้น

ทนายกฤษณะ กล่าวต่ออีกว่า เกี่ยวกับประเด็นการเสียชีวิตของแตงโมนั้น ตนก็ยังติดใจและเชื่อว่า น้องแตงโมเสียชีวิตจากเรือที่วนกลับมาชนอยู่ เนื่องจากการตรวจสอบเส้นทางตามจีพีเอสของเรือนั้น มีอยู่จังหวะหนึ่งที่คล้ายกับเรือกระตุกหรือชนเข้ากับบางอย่างในน้ำ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะเป็นร่างของแตงโม รวมไปถึงประเด็นจีพีเอสของเรือลำเกิดเหตุที่กลุ่มผู้ต้องหายืนยันว่า หลังนำเรือไปเก็บที่อู่จอดเรือแล้ว ทางเจ้าของอู่เรือได้นำเรือลำนี้ออกไปช่วยค้นหาอีกครั้ง แต่ไม่ปรากฏเส้นทางในจีพีเอส ซึ่งอาจจะมีเจตนากดปุ่มปิดเส้นทางเอาไว้ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ต้องสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป
 

ทนายกฤษณะ กล่าวอีกว่า เรื่องที่คุณแม่แอบนำโทรศัพท์มือถือส่งไปให้บังแจ็คนั้น ตนเชื่อว่าคุณแม่ต้องมีเหตุผลบางอย่างที่เชื่อถือในตัวบังแจ็คถึงได้ตัดสินใจไปด้วยความเด็ดเดี่ยวเด็ดขาดแบบนั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะไม่เชื่อถือการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยหรือไม่ คุณแม่ถึงตัดสินใจแบบนั้นลงไป เพื่อให้บังแจ็คเป็นคนกู้ข้อมูลในมือถือของน้องขึ้นมาเพื่อค้นหาความจริง ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของคุณแม่ในการตัดสินใจที่ท้าทายแบบนี้ ตนคงไม่ไปก้าวล่วงในเรื่องนี้

และส่วนตัวแล้วตนเองเริ่มทราบเรื่องภาพในโทรศัพท์ของน้องที่หลุดออกมาช่วงเย็นหลังงานศพน้องแตงโม เพราะบังแจ็คเป็นคนโทรไลน์เข้ามาหาตนก่อน ตนจึงถามกลับไปว่าใช่ฝีมือยังแจ็คไหม เขาก็ยอมรับว่าเป็นฝีมือเขาเอง ตนจึงถามบังแจ๊คกลับไปว่าเขาต้องการอะไรในการนำรูปออกมาโพสต์เช่นนี้ ซึ่งบังแจ็คก็ยืนยันบอกกับตนว่าเขาต้องการช่วยเหลือคดีของน้องแตงโม และพร้อมที่จะส่งหลักฐานหลังจากกู้ข้อมูลในโทรศัพท์มาให้ตน แต่ตนก็ยังไม่เคยได้รับข้อมูลใด ๆ มาจากบังแจ็คเลย

ผมได้ขู่บังแจ็คกลับไปว่า หากบังแจ็คนำข้อมูลหรือรูปถ่ายในโทรศัพท์มือถือของน้องไปข่มขู่แบล็คเมล์หรือทำให้น้องได้รับความเสื่อมเสียใด ๆ บังแจ็คจะได้เจอกับตนเองอย่างแน่นอน แต่หากมีเจตนาหวังดีช่วยคลี่คลายคดีตนก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แม้จะมีคนเคยบอกเตือนตนว่าอย่าเชื่ออะไรกับบังแจ็คคนนี้ 100 % ให้เชื่อได้เพียง 50 % ก็ตาม