นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น แถลงภายหลังการประชุมกลุ่มควอดที่กรุงโตเกียวในวันนี้ (24 พ.ย.) ว่า “สิ่งสำคัญมากที่ผู้นำทั้ง 4 ชาติสามารถส่งสารถึงทั่วโลก คือ เราจะไม่อดทนอดกลั้นต่อการเปลี่ยนแปลงสถานะด้วยการใช้กำลังในดินแดนส่วนใดบนโลกใบนี้”
ผู้นำทั้ง 4 ชาติแสดงความกังวลร่วมกันต่อสถานการณ์เลวร้ายในยูเครนจากการรุกรานของรัสเซีย พร้อมกับย้ำถึงการเคารพอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดน และย้ำจุดยืนร่วมกันที่จะรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ตลอดจนคัดค้านการยั่วยุและการกระทำใด ๆ เพียงฝ่ายเดียวเพื่อเปลี่ยนแปลงสถานะใด ๆ ท่ามกลางความตึงเครียดจากข้อพิพาทในทะเลตะวันออกและทะเลจีนใต้
นอกจากนี้ประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวระหว่างการหารือว่า สถานการณ์รัสเซียบุกยูเครนเป็นภัยคุกคามต่อหลักการในกฎบัตรสหประชาชาติ และไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นแบบเดียวกันนี้ในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก รวมทั้งกลุ่มควอดต้องการให้ประชาคมโลกรับรู้ว่า ทั้ง 4 ชาติยึดมั่นในวิสัยทัศน์เดียวกัน คือ ต้องการให้อินโด-แปซิฟิกเป็นภูมิภาคที่เปิดกว้าง
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นพ้องที่จะลงทุนมากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์ในด้านการลงทุนและความช่วยเหลือด้านโครงสร้างพื้นฐานในอินโด-แปซิฟิกในช่วง 5 ปีข้างหน้า พร้อมกับเสนอความริเริ่มในการให้ความช่วยเหลือทางทะเลในภูมิภาคนี้เพื่อตรวจตราการทำประมงผิดกฎหมาย และกิจกรรมอื่น ๆ ในน่านน้ำ ตลอดจนความช่วยเหลือบรรเทาภัยพิบัติ
ไบเดนเข้าร่วมการประชุมควอดระหว่างการเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกหลังจากรับตำแหน่ง โดยมีนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดีของอินเดีย และนายกรัฐมนตรีแอนโทนี อัลบานีส ของออสเตรเลียเข้าร่วมด้วย ซึ่งผู้นำใหม่ออสเตรเลียเดินทางมาร่วมประชุมเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังเพิ่งสาบานตนรับตำแหน่ง
การประชุมสุดยอดกลุ่มควอดแบบพบปะกันตัวต่อตัวครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 และถูกมองว่า สหรัฐฯ จัดตั้งกลุ่มนี้เพื่อมุ่งต้านทานอิทธิพลของจีนในภูมิภาคนี้