svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

สวนสนามเป็นเหตุ โควิดระบาดเกาหลีเหนือ

เกาหลีเหนือที่เคยประกาศตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 เป็นศูนย์ ต้องเผชิญวิกฤตที่ไม่คาดฝันและตั้งรับไม่ทัน เมื่อมีรายงานผู้ติดเชื้อกว่า 2 แสนคน เสียชีวิตมากกว่า 40 คน ในเวลาเพียง 4 วัน โดยเชื่อว่า มีสาเหตุมาจากการพิธีสวนสนามของทหาร 20,000 นาย ที่เกณฑ์คนนับแสนไปดู

พิธีสวนสนามเนื่องในวาระครบรอบ 90 ปี ของกองทัพปฏิวัติประชาชนเกาหลี (Korean People’s Revolutionary Army )เมื่อวันที่ 25 เมษายน ที่มีทหารเข้าร่วม 20,000 นาย ได้กลายเป็นเหตุการณ์ผลิต "ซูเปอร์สเปรดเดอร์โควิด-19" ที่ใหญ่ที่สุด หลังจากทหารที่เข้าร่วมการสวนสนามหลายนายถูกตรวจพบว่าติดเชื้อ ซึ่งก่อนหน้านั้นเกาหลีเหนือยังยืนยันการปลอดเชื้อไวรัส 100% ที่ยาวนานมาถึง 2 ปีครึ่ง ซึ่งนอกจากทหารแล้ว ยังมีประชาชนอีกนับแสนที่ถูกเกณฑ์ไปชุมนุมกันที่จตุรัสคิม อิล-ซุง เพื่อดูการแสดงแสนยานุภาพทางทหาร ทำให้นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดต้องประกาศ "ระบบป้องกันโรคระบาดฉุกเฉินสูงสุด" (maximum emergency epidemic prevention system) 

 


แหล่งแพร่ระบาดในหมู่ทหาร

 

เจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงในเมืองชินิจู จังหวัดพย็องอันเหนือ เปิดเผยว่าทหารหลายนายที่ประจำการบริเวณชายแดนด้านตรงข้ามกับจีน โดยมีแม่น้ำยาลูเป็นพรมแดนธรรมชาติคั่นกลาง ได้เริ่มแสดงอาการของโควิด-19 ตั้งแต่ต้นเดือน โดยทุกคนมีไข้สูงและมีอาการเกี่ยวกับทางเดินหายใจเฉียบพลัน ก่อนเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะยืนยันว่าพวกเขาติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน หรือ BA.2 ส่วนทหารที่ติดเชื้อมีทั้งพลทหารและนายทหารที่เข้าร่วมพิธีสวนสนาม และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้รายงานเรื่องนี้ต่อศูนย์บัญชาการกักตัวฉุกเฉินแห่งชาติ ที่รีบส่งต่อในฐานะ "รายงานหมายเลข 1" ที่หมายถึงการสื่อสารระดับสูงสุดที่ส่งถึงโต๊ะทำงานนายคิม จองอึน

 

สวนสนามเป็นเหตุ โควิดระบาดเกาหลีเหนือ

ปิดการสัญจรระหว่างหน่วยทหาร

 

รายงานการติดเชื้อของทหารค่อนข้างสับสน ระหว่างทหารที่ประจำการอยู่ตรงข้ามพรมแดนจีน นำเชื้อไปแพร่ในพิธีสวนสนาม หรือพวกเขารับเชื้อมาจากพิธีสวนสนามแล้วไปแพร่ที่ชายแดน แต่ก็ทำให้ทางการต้องรีบประกาศภาวะฉุกเฉินทันที นำไปสู่การ "ผนึก" (ปิดตาย) พื้นที่ชายแดนเพิ่มเติม และระงับการสัญจรระหว่างหน่วยพิทักษ์ชายแดน โดยคำสั่งระบุว่าทหารในแต่ละกองพันและกองร้อย ไม่สามารถเข้าหรือออกจากค่ายทหาร มีการจำกัดการเคลื่อนที่เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารแม้แต่นายเดียว ไปปะปนกับหน่วยอื่นหรือออกจากหน่วยได้ รวมทั้งห้ามการจับกลุมสนทนาระหว่างทหารในหน่วยเดียวกันด้วย

 

สวนสนามเป็นเหตุ โควิดระบาดเกาหลีเหนือ

 


สั่งหน่วยใกล้เคียงสวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตา 

 

เจ้าหน้าที่อารักขาพรมแดนใกล้เขตอุยจู ของจังหวัดพย็องอันเหนือ เปิดเผยว่าทหารที่นั่นได้รับคำสั่งให้สวมหน้ากากกันแก๊สน้ำตา เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกนอกค่ายทหาร ยกเว้นทหารที่ปฏิบัติภารกิจประจำป้อมยามที่ต้องสับเปลี่ยนเวรยาม ส่วนจำนวนทหารที่ติดเชื้อที่เขตอุยจูได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในเดือนนี้ ส่วนใหญ่เป็นทหารที่ไปเข้าร่วมพิธีสวนสนามเมื่อวันที่ 25 เมษายน 

 


วิกฤตหนักไวรัสอาจลามทุกเหล่าทัพ

 

ถ้าทหารเหล่านี้ติดเชื้อจากการไปร่วมพิธีสวนสนาม ก็ย่อมหมายความว่าเชื้ออาจแพร่ระบาดไปสู่ทุกหมู่เหล่าในกองทัพในทุกพื้นที่ของประเทศ เพราะทหารที่เข้าร่วมพิธีไม่ได้มาจากทหารรักษาการณ์บริเวณชายแดนเท่านั้น แต่ยังมีระดับนายทหารและทหารที่คัดเลือกมาจากกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศและนาวิกโยธินจากทั่วประเทศ ย่อมเป็นไปได้ที่โควิด-19 จะแพร่ระบาดไปทุกค่ายทหารทั่วประเทศแล้ว 

สวนสนามเป็นเหตุ โควิดระบาดเกาหลีเหนือ

 

นักวิเคราะห์ชี้ว่า แม้ทางการจะเร่งมือเริ่มประกาศระบบกักตัวฉุกเฉินทั่วประเทศโดยทันที และล็อกดาวน์ทุกอย่างเท่าที่ทำได้แต่ก็สายไปแล้ว ประชาชนพากันโกรธแค้นเพราะปักใจเชื่อว่าพิธีสวนสนามเพื่อการโฆษณาชวนเชื่อในวันนั้นเป็นสาเหตุให้เกิดการแพร่ระบาด ซึ่งรายงานตัวเลขล่าสุดเมื่อเวลา 18.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของเมื่อวันอาทิตย์ ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้ว 50 คน ป่วยสะสมมากกว่า 1,210,000 คน อยู่ระหว่างรักษา 564,860 คน และหายป่วย 648,630 คน ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ประชากรทั่วประเทศ 25,989,222 ล้านคน ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน

 

สวนสนามเป็นเหตุ โควิดระบาดเกาหลีเหนือ

 

ตัวเลขเหล่านี้ได้สร้างความวิตกให้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุข เพราะขนาดประเทศที่มีระบบสาธารณสุขได้มาตรฐานก็ยังรับมือได้อย่างลำบาก แต่ เกาหลีเหนือเป็นประเทศที่ได้ชื่อว่า "ขาดอาวุธที่มีประสิทธิภาพ" ในการรับมือโควิด-19 ทำให้เกรงว่าจำนวนผู้ป่วยหนักและผู้เสียชีวิตจะพุ่งไม่หยุด และตัวเลขการทดสอบหาเชื้อก็ต่ำจนน่าตกใจเพียงแค่ 64,000 ตั้งแต่เริ่มการระบาด สวนทางกับฝั่งเกาหลีใต้ที่อยู่ที่ราว 172,000,000 ผู้เชี่ยวชาญยังเตือนเรื่องการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศ โดยให้ดูบทเรียนจากจีน ซึ่งถ้าเข้มงวดเทียบเท่ากับที่นครเซี่ยงไฮ้ สถานการณ์ก็อาจยิ่งเลวร้ายกว่าหลายเท่า โดยเฉพาะในเรื่องของห่วงโซ่อุปทานและการดูแลประชาชนในพื้นที่กักตัว ซึ่งปัจจุบันเกาหลีเหนือยังคงตกอยู่ในวังวนของปัญหาเรื้อรังเกี่ยวกับการผลิตอาหาร และเผชิญความอดอยากหิวโหยมาตั้งแต่ทศวรรษที่ 1990 ตัวเลขจากโครงการอาหารโลก (World Food Programme) ชี้ว่าประชากรราว 11 ล้านคน อยู่ในภาวะขาดสารอาหาร ส่วนหนึ่งเป็นเพราะวิธีทำการเกษตรล้าสมัย เป็นอุปสรรคต่อการเก็บเกี่ยว ผลผลิตส่วนใหญ่ต้องตกอยู่ในมือของทางการ และเมื่อถูกซ้ำเติมด้วยวิกฤตล่าสุด ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า เหลือทางออกที่ริบหรี่เพียงหนทางเดียวคือการเปิดรับความช่วยเหลือจากภายนอก ซึ่งขึ้นอยู่กับเกาหลีเหนือว่าจะยินยอมหรือไม่