ผู้ขับขี่ชาวยูเครนหลายคนต่อแถวหลายชั่วโมงในเมืองบูชา และกรุงเคียฟเพื่อเติมน้ำมันได้เพียงไม่เกิน 10 ลิตร ขณะที่ความต้องการเชื้อเพลิงในพื้นที่รอบเคียฟเพิ่มสูงขึ้น หลังประชาชนที่หนีภัยสงคราม ทยอยกลับเข้าเมือง ทำให้การขาดแคลนยิ่งเลวร้ายลงอีก
ประชาชนหลายล้านคนจะต้องประสบปัญหาขาดแคลนเชื้อเพลิง เนื่องจากกองทัพรัสเซียโจมตีทำลายโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ระบบคมนาคมหยุดชะงัก และการขาดแคลนเชื้อเพลิงนำเข้าจากรัสเซียและเบลารุส
ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ให้คำมั่นว่าจะดำเนินมาตรการภายในกลางเดือนนี้เพื่อยุติการขาดแคลนเชื้อเพลิง ที่ทำให้ปั๊มน้ำมันเกือบ 7,000 แห่งต้องปิดบริการ และกล่าวโทษว่า รัสเซียทำลายโครงสร้างพื้นฐานทั้ง การผลิต การลำเลียง และการจัดเก็บเชื้อเพลิง ปิดกั้นท่าเรือในทะเลดำ ทำให้เรือบรรทุกน้ำมันไม่สามารถขนถ่ายน้ำมันได้
การขนส่งเชื้อเพลิงประสบอุปสรรคเนื่องจากสะพานและทางหลวงหลายสายถูกทำลายย่อยยับจากการโจมตี และการจราจรยังล่าช้าเพราะการตั้งด่านตรวจรักษาความปลอดภัย
เมื่อสัปดาห์ที่แล้วกองทัพรัสเซียถล่มโรงกลั่นน้ำมัน ทำให้โรงกลั่นหลัก 2 แห่งสุดท้ายต้องหยุดการผลิต และท่าเรือขนาดใหญ่ 20 แห่งได้รับความเสียหาย
ในช่วงก่อนสงคราม ยูเครนนำเข้าน้ำมัน 80% โดยน้ำมันเบนซินมากถึง 62% และน้ำมันดีเซล 44% นำเข้ามาจากรัสเซียและเบลารุส