เหลือเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์"การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม." และสมา ชิกสภากทม. จะมีขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 22 พ.ค.นี้ ขณะที่ บรรยากาศการหาเสียง"เลือกตั้งผู้ว่าฯกทม."และสมาชิกสภา กทม. ยังดำเนินไปด้วยความคึกคัก
โดยเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ขณะที่ "นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์" ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.หมายเลข 8 ในนามอิสระ ได้ลงพื้นที่หาเสียง ย่านตลาดต่างๆ โดยมาที่ตลาดราชวัตร ซึ่งเป็นพื้นที่เขตดุสิต
ปรากฎว่า ระหว่างหาเสียง ได้พบกับผู้สมัครเลือกตั้ง ส.ก. จากพรรคพลังประชารัฐ "นายธนพัฒน์ ธนกิจอารักษ์" ผู้สมัคร ส.ก.เขตดุสิต หมายเลข 1โดยบังเอิญ
ทั้งสองจึงเข้ามาทักทายกัน โดย"นายธนพัฒน์" ได้ยกมือไหว้"นายชัชชาติ" พร้อมมีการจับมือให้กำลังใจซึ่งกันและกัน ขอให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยนายชัชชาติยังได้ทำสัญลักษณ์กำปั้นเป็นเลขแปด ขณะที่ นายธนพัฒน์ ชูสัญลักษณ์หมายเลข 1 ให้บันทึกภาพร่วมกันอย่างอารมณ์ดี
ทั้งนี้ ภาพดังกล่าวได้สร้างความประทับใจให้กับพี่น้องประชาชนที่อยู่บริเวณนั้นได้มีการบันทึกภาพ และเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง
พร้อมกับมีเสียงชื่นชมถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่แม้ต่างพรรคและการแข่งขันเป็นไปด้วยความเข้มข้น แต่ก็ยังสร้างบรรยากาศการเลือกตั้งสมานฉันท์ตามที่ กกต. ได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้
วันเดียวกัน ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. รายอื่นๆ ก็ยังลงพื้นที่หาเสียงต่อเนื่อง"นายสกลธี ภัททิยกุล" ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 ลงพื้นที่หาเสียงตลาดย่านเขตสายไหม ชูประเด็นฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากของชาว กทม. รวมทั้งการจัดการปัญหาด้านการจราจร
ทั้งนี้ พบประชาชนส่วนใหญ่เรียกร้องให้ช่วยจัดการเรื่องขยะ เนื่องจากมีปัญหาการจัดเก็บที่ไม่มากพอ ทำให้กระทบต่อท่อระบายน้ำ ซึ่งถ้าตนได้เป็นผู้ว่าฯ จะแก้ ไขปัญหานี้ทันที เพราะจากการเดินตลาดเเละชุมชนต่างๆ ก็เห็นว่าปัญหาขยะยังเป็นปัญหาสำคัญที่ต้องรีบแก้ไข
ด้าน "น.ต.ศิธา ทิวารี" ผู้สมัครผู้ว่ากทม.หมายเลข 11พรรคไทยสร้างไทย เดินพบปะพี่น้องชุมชนคลองเตย เขตวัฒนา เช่น ชุมชนล็อค 123 ชุมชนริมทางรถไฟ ชุมชนแฟลต 1-10 และชุมชนน้องใหม่ ซึ่งพื้นที่เหล่านนี้ ถือเป็นจุดเริ่มต้นทางการเมือง จึงมีความคุ้นเคย กับวิถีของชุมชน คุ้นเคยกับภูมิศาสตร์ต่างๆของพื้นที่ และที่สำคัญยังคุ้นเคยกับพี่น้องประชาชนชาวคลองเตยทุกคน
"น.ต.ศิธา" ระบุว่า มีความผูกพันกับพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะเมื่อครั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในปี 2544 ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพี่น้องชาวคลองเตยมาอย่างยาวนาน จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในเขตดังกล่าวถึง 2 สมัยติดต่อกัน
ทุกครั้งที่พี่น้องมีความทุกข์ ไม่เคยละทิ้ง ที่จะเดินเคียงข้าง ซึ่งทำแบบนี้มาตั้งแต่ยังไม่ได้เป็น ส.ส.เลยด้วยซ้ำ โดยครั้งหนึ่งในชุมชน คลองเตย บ้านเรือนของพี่น้องถูกไฟไหม้ใหญ่ ตนได้ลงพื้นที่และกินนอนอยู่ใต้ทางด่วน กับพี่น้องประชาชนผู้เดือดร้อน จนบ้านทุกหลังที่เสียหายไปจากไฟไหม้สามารถถูกสร้างขึ้นมาใหม่จนเสร็จเรียบร้อย ก่อนที่จะได้ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ร่วมกัน
ตลอดเวลาที่ผ่านมา จึงมีความผูกพันกับพี่น้องในคลองเตย และไม่เคยทิ้งพื้นที่แม้ช่วงที่โดนตัดสิทธิ์ทางการเมือง จะไม่ได้ลงมาร่วมทำกิจกรรมทางการเมือง แต่เมื่อใดที่พี่น้องประชาชนมีความเดือดร้อน ก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่ยื่นมือเข้ามาดูแลช่วยเหลือตลอดมา เข้าใจดีว่าปัญหาของพี่น้องชาวคลองเตยเป็นอย่างไร และจะต้องแก้แบบไหนเพื่อให้ตรงตามความต้องการของชาวชุมชน
ดังนั้นการเลือกตั้งที่จะถึงในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ จึงขอโอกาสให้ ลูกหลานชาวคลองเตยคนนี้ ได้เข้าไปรับใช้พ่อแม่พี่น้องทุกคน เพื่อแก้ปัญหาคลองเตยแก้ปัญหากรุงเทพฯของเรา
"น.ต.ศิธา" ยังย้ำด้วยว่า กทม.จะเป็น พื้นที่นำร่องในการผลักดันนโยบายกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก หรือกองทุนคนตัวเล็ก ซึ่งเป็นการสร้างเครดิตประชาชนเพื่อล้างหนี้นอกระบบ โดยพี่น้องประชาชนสามารถกู้ได้ ในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 1 ต่อเดือน เพื่อเป็นเงินทุนในการตั้งตัวใช้ในยามฉุกเฉิน กองทุนนี้จะเป็นหลักประกันความมั่นคงทางการเงินของพี่น้องประชาชนตลอดไป โดยสามารถเข้าถึงได้ง่ายในอัตราดอกเบี้ยที่เป็นธรรม
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่คลองเตยจำเป็นต้องพัฒนา คุณภาพการศึกษาโดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัดกรุงเทพมหานคร จะต้องเป็นโรงเรียนคุณภาพดีใกล้บ้าน ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนในสิ่งที่ชอบ เรียนรู้ในสิ่งที่สามารถออกมาสร้างอาชีพส่งเสริมการทำมาหากินได้ และต้องทำให้โรงเรียนทุกแห่งมีมาตรฐานเดียวกัน ทั้งทางโภชนาการและความรู้ มีการพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับโลกสมัยใหม่ ไม่ใช่การเสนอเชิงอุดมคติ ที่ต้องการความเป็นเลิศทางวิชาการแบบเลื่อนลอยเท่านั้น เพราะยังมีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอยู่ ทั้งในเรื่องโอกาสและมาตรฐานของสถาบันแต่ละแห่ง จึงต้องสร้างโรงเรียนทุกแห่งให้มีมาตรฐานทัดเทียมกัน