จากการณี “ทนายตั้ม” หรือ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาเปิดเผยว่ามีเหยื่ออายุ 18 ปี ถูกนักการเมืองอดีตรองหัวหน้าพรรคการเมืองใหญ่ ถูกลวนลามและทำอนาจาร ส่งผลให้ต่อมีมีผู้เสียหายเข้าไปแจ้งความเอาผิดนาย "ปริญญ์ พานิชภักดิ์" อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ อีกหลายราย
ต่อมา “ทนายตั้ม” เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผบช.น.ให้ตรวจสอบตำรวจยศ “พล.ต.ต.” พยายามเข้ามาแทรกแซงคดี และเจรจากับผู้เสียหาย
ขณะที่แม่ของผู้เสียหายวัย 18 ปี ได้ออกมาปฏิเสธว่า “พล.ต.ต.” ไม่ได้มีการแทรกแซงคดี โดยตำรวจนายนี้เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ รู้จักตั้งแต่แม่อายุ 19 ปี ตำรวจท่านนี้เป็นประธานงานแต่งงานให้แม่ด้วย และการพูดคุยก็เป็นเพียงการปรึกษา ตำรวจท่านนี้ไม่เคยเข้ามาแทรกแซงคดี ไม่เคยไปคุยกับ ตำรวจ สน.ลุมพินีโดยตรง และยังเป็นคนที่แนะนำให้แม่ไปแจ้งความไว้ก่อน
แม่ผู้เสียหายวัย 18 ปีระบุด้วยว่า ระหว่างพูดคุยกัน "ทนายตั้ม" ถ่ายรูปน้องจากด้านหลัง และเอาไปโพสต์เฟซบุ๊กครั้งแรก จนเป็นข่าว แม่ยังบอกให้ "ทนายตั้ม" ลบ แต่"ทนายตั้ม"ไม่ยอมลบ จากนั้นก็แยกย้ายกัน ไม่เคยเจอ"ทนายตั้ม"อีกเลย คุยกันแต่ทางไลน์ และแม่ไม่เคยแต่งตั้ง"ทนายตั้ม"เป็นทนายด้วย ตอนนี้มีทีมทนายความที่ดูแลคดีแล้ว
"แม่เหยื่อสาว" ยืนยันว่า ไม่เคยมีใครติดต่อมาให้เงินเพื่อเคลียร์คดี ยืนยันว่า ศักดิ์ศรี ของลูกสำคัญกว่า ไม่เคยไปให้การกับตำรวจเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จุดเปลี่ยนอีกครั้งระหว่างแม่กับ "ทนายตั้ม" คือ "ทนายตั้ม"โทรหาแม่ จะส่งทีมงานมาหา เพื่อให้แม่เซ็นเอกสาร คัดค้านการประกันตัว แต่แม่กังวลใจที่จะพบกับ"ทนายตั้ม"หรือทีมงานอีกครั้ง เพราะกลัวถูกถ่ายภาพเหมือนที่พบกันครั้งแรก จึงปฏิเสธไป
จนกระทั่งล่าสุด (23 เม.ย.65) “ทนายตั้ม” ได้โพสต์เฟซบุ๊กข้อความระบุว่า “ถ้าใครมาขอให้ผมช่วยทำคดีอะไร แล้วผมขออนุญาตนำลงเรื่องเพจแล้วเป็นคดีดังขึ้นมา อยู่ดีๆมาขอให้ลบ หรือดัดแปลงข้อมูลเพื่อเอาตัวรอด ผมไม่ทำให้นะครับ เพจผมเน้นเรื่องจริง และขออนุญาตก่อนเผยแพร่เสมอ จะอยู่ดีๆมากลัว มาขอลบ บอกเลยผมไม่ทำให้ ตัวผมเองก็เสี่ยงเปิดหน้าสู้ มีเครดิต มีความน่าเชื่อถือต้องรักษา ถ้าใจไม่สู้จริง อย่ามาขอความช่วยเหลือจากผม”
นอกจากนี้ยังโพสต์เพิ่มเติมด้วยว่า “เจอแบบนี้แล้วเพลีย”