ขีปนาวุธถล่มสถานีรถไฟยูเครนดับ 39 ราย
ยูเครนกล่าวหาว่าทหารรัสเซียยิงขีปนาวุธโจมตีสถานีรถไฟในเขตโดเนตสก์วันนี้ (8 เม.ย.) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 39 ราย และผู้บาดเจ็บเกือบ 90 ราย แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหา ขณะที่อียูเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอบที่ 5 ต่อรัสเซีย
ปาฟโล คิริเลนโก ผู้ว่าการเขตโดเนตสก์ในภาคตะวันออกของยูเครน เปิดเผยว่าทหารรัสเซียเจตนายิงจรวดโจมตีสถานีรถไฟในเมืองครามาทอร์สก์ ที่มีผู้อพยพหลายพันคนรอขึ้นรถไฟเพื่อออกจากเมืองที่ถูกยิงถล่มอย่างหนักมาตลอดหลายสัปดาห์ และรายงานว่ามียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 39 ราย และผู้บาดเจ็บอีก 87 คน ส่วนใหญ่มีอาการสาหัส และโอเลกซานเดอร์ ฮอนชาเรนโก นายกเทศมนตรีเมืองครามาทอร์สก์ บอกว่ามีพลเรือนเกือบ 4,000 คน อยู่ในสถานีรถไฟในช่วงเวลาเกิดเหตุ เมืองครามาทอร์สก์อยู่ในโดเนตสก์ในส่วนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลยูเครน
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ซึ่งกล่าวต่อที่ประชุมรัฐสภาฟินแลนด์ผ่านระบบวิดีโอในวันนี้ แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตราว 30 ราย และผู้บาดเจ็บ 300 คน จากการโจมตีสถานีรถไฟในครามาทอร์สก์ พร้อมกับขอให้ที่ประชุมร่วมสงบนิ่งไว้อาลัยแก่ผู้เสียชีวิตทั้งหมด จากการรุกรานของรัสเซียในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ของสงครามในภาคตะวันออกของยูเครน
ล่าสุดกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ออกแถลงการณ์โต้แย้งว่า รัสเซียไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตี โดยระบุว่า ขีปนาวุธซึ่งพบชิ้นส่วนตกใกล้สถานีรถไฟเป็นแบบที่ใช้ในกองทัพยูเครน และกองทัพรัสเซียไม่มีภารกิจโจมตีในครามาทอร์สก์ในวันนี้
ส่วนเสนาธิการทหารยูเครนโพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่าทหารรัสเซียกำลังมุ่งควบคุมเมืองโปปาสนาและรูบิชนี ในเขตลูฮันสก์ในภาคตะวันออกของยูเครน รวมถึงพยายามยึดเมืองมาริอูโปลเมืองท่าสำคัญ ที่ถูกปิดล้อมและโจมตีอย่างหนักหน่วงมานานหลายสัปดาห์ นอกจากนี้ยังปิดกั้นเมืองคาร์คีฟและวางกับระเบิดเพื่อสกัดการเคลื่อนพลของกองทัพยูเครน พร้อมกับเตือนด้วยว่าอาจมีการโจมตีด้วยขีปนาวุธจากฝั่งเบลารุส ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและกองทัพยูเครน
ขณะที่สหภาพยุโรปหรืออียู ลงมติเมื่อวันพฤหัสบดีอนุมัติมาตรการคว่ำบาตรระลอกที่ 5 ต่อรัสเซีย ซึ่งรวมถึงการห้ามนำเข้าถ่านหิน ไม้ ยาง ซีเมนต์ ปุ๋ย คาเวียร์ วอดก้า และอื่น ๆ นอกจากนี้ยังห้ามเรือและรถบรรทุกของรัสเซียเข้าสู่อียู และห้ามการทำธุรกรรมทุกอย่างกับธนาคารรัสเซีย 4 แห่ง ซึ่งรวมถึง VTB แต่มาตรการห้ามนำเข้าถ่านหินจะมีผลบังคับใช้ในสัปดาห์ที่ 2 ของเดือน ส.ค.ปีนี้ ส่วนสัญญาซื้อขายใหม่ไม่อาจลงนามได้อีกตั้งแต่วันนี้
มาตรการนี้เป็นครั้งแรกที่การคว่ำบาตรของอียูพุ่งเป้าต่ออุตสาหกรรมพลังงานของรัสเซีย เพราะชาติยุโรปพึ่งพาเชื้อเพลิงจากรัสเซียอย่างมาก นอกจากนี้ชาติสมาชิกอียูยังเตรียมหารือเกี่ยวกับมาตรการต่อไปที่จะห้ามนำเข้าน้ำมันของรัสเซีย
นอกจากนี้อัวร์ซูลา วอน เดอ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และโจเซฟ บอร์เรล หัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของอียู กำลังเดินทางไปกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเพื่อพบกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และจะไปร่วมงานที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนยูเครนที่กรุงวอร์ซอของโปแลนด์ด้วย