เซี่ยงไฮ้ล็อกดาวน์ ความอดทน EU ใกล้ศูนย์

เซี่ยงไฮ้ ได้ชื่อว่าเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่สาขาเอเชียของหลายบริษัทของกลุ่มประเทศภาคีสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) แต่การที่เมืองนี้ ถูกสั่งล็อกดาวน์อย่างไม่มีกำหนด ตาม นโยบาย "ความอดทนเป็นศูนย์" ที่จีนใช้เป็นยุทธศาสตร์รับมือการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้บรรดาธุรกิจต่างๆ ในเซี่ยงไฮ้ เริ่มตัดพ้อว่าการใช้นโยบายนี้อย่างยืดเยื้อ ทำให้เกิดการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ขาดการเชื่อมต่อกับลูกค้ากับสำนักงานใหญ่และการปฏิบัติงานในแต่ละวัน ดำเนินไปอย่างไม่มีการวางแผนและคาดเดาไม่ได้

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 29 มณฑล จากทั้งหมด 31 มณฑลของจีน ในจำนวนนี้ รวมทั้งเซี่ยงไฮ้ ที่เป็นเขตปกครองพิเศษเทียบเท่ามณฑล ทำให้หลายบริษัทของยุโรปพากันกังวลว่า ยังไม่มียุทธศาสตร์หรือกรอบเวลาที่ชัดเจนในการกลับไปสู่ภาวะปกติ

ฮารัลด์ คัมพ์เฟิร์ต ประธานหอการค้าของ EU ในจีน (EUCCC) ให้ความเห็นว่า บริษัทส่วนใหญ่กำลังวิตกเกี่ยวกับอนาคต เพราะพวกเขายังไม่เห็นยุทธศาสตร์ที่จะนำไปสู่การสิ้นสุดเศรษฐกิจ "เดี๋ยวเปิด-เดี๋ยวปิด" (on-off economy) และเราต้องการสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่สามารถคาดเดาได้ เพื่อใช้ในการวางแผนและต้องการยุทธศาสตร์ที่ชัดเจน เพื่อออกจากสถานการณ์โควิดนี้เสียที จะด้วยการฉีดวัคซีนหรือมาตรการอื่นใดก็ตาม 

คริสตอฟ ชเรมพ์ ประธานหอการค้านครเทียนจิน ระบุว่า 70% ของบริษัทที่เป็นสมาชิกไม่สามารถติดต่อกับลูกค้า และต้องแยกการทำงานกับสำนักงานใหญ่ในต่างประเทศ ซึ่งชเรมพ์ บอกว่า ถ้าคุณไม่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างแท้จริง นั้่นอาจจะลดโอกาสทางเศรษฐกิจของคุณลง ในขณะที่เรายังไม่ฟื้นตัวจากผลกระทบเรื่องความเข้มงวดเกี่ยวกับวีซา และข้อจำกัดเรื่องการเดินทางที่เข้มงวด โดยนับตั้งแต่เดือนมกราคม เราได้รับผลกระทบรุนแรงในเรื่องผลกำไรและผลประกอบการ เพราะขาดการวางแผนและไม่อาจคาดเดาอะไรได้

เบตตินา เชิน-เบฮันซิน รองประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้ายุโรป ระบุว่า การล็อกดาวน์ล่าสุด เป็นฝันร้ายที่เปรียบเสมือนการตอกตะปูตัวสุดท้ายปิดฝาโลงให้กับเมืองที่เคยดึงดูดความสนใจด้านการลงทุนจากทั่วโลก ซึ่งถ้าเซี่ยงไฮยังต้องการที่จะเป็นคู่แข่งที่่น่ากลัว ในการเป็นศูนย์กลางการเป็นสำนักงานใหญ่ของตะวันตกในเอเชียก็จะเป็นจะต้องยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ หรือการทดสอบหาเชื้อหมู่ที่น่าตระหนก และน่าจะให้ความสำคัญกับการฉีดวัคซีนแทน ด้านประธาน EUCCC เตือนว่า จีนอาจเป็นประเทศสุดท้ายที่เปิดเศรษฐกิจ ในขณะที่อินเดียเปิดไปแล้ว ขณะที่ผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่ง บอกว่า ถ้าจีนยังใช้นโยบายความอดทนเป็นศูนย์พร่ำเพรื่อ ความอดทนของพวกเขาก็ใกล้เป็นศูนย์เช่นกัน