Chanel ไม่ขายสินค้าให้คนรัสเซียแม้จะอยู่ในต่างประเทศ

Chanel แบรนด์แฟชั่นหรูหราจากฝรั่งเศส ประกาศอย่างเป็นทางการว่าทางร้านจะไม่ขายสินค้าให้กับลูกค้าชาวรัสเซียที่อยู่ในต่างประเทศ หากพบว่าลูกค้าตั้งใจจะนำสินค้าชิ้นนั้นกลับไปใช้ที่รัสเซีย โดยทาง Chanel บอกว่าเมื่อมีลูกค้าชาวรัสเซียเดินเข้ามาซื้อของในร้าน ทางร้านจะมีขั้นตอนในการสอบถามรายละเอียดว่าลูกค้าจะนำสินค้ากลับไปใช้ที่รัสเซียหรือเปล่า หากพบว่าลูกค้ามีแผนจะนำสินค้ากลับไปใช้ที่รัสเซีย ทางร้านก็จะปฏิเสธไม่ขายให้ โดยทางร้านไม่ได้อธิบายเพิ่มเติมว่าขั้นตอนการสอบถามข้อมูลจากลูกค้าว่าจะเป็นอย่างไร

มาตรการใหม่ของ Chanel ที่เหมือนเป็นการคว่ำบาตรลูกค้าชาวรัสเซียทั้งหมด ถูกมองว่าทำเกินไป สร้างความไม่พอใจให้กับลูกค้าชาวรัสเซียหลายคน บางคนถึงกับขนาดเอากระเป๋า Chanel ที่ตัวเองมีมากรีดทิ้ง แล้วโพสต์คลิปลงโซเชียลมีเดียเพื่อแสดงความไม่พอใจ แต่ Chanel อธิบายว่ามาตรการนี้เป็นไปตามนโยบายคว่ำบาตรรัสเซียของสหภาพยุโรปและสวิตเซอร์แลนด์ ที่ห้ามการขายสินค้าฟุ่มเฟือย ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม ที่จะถูกนำไปใช้ในรัสเซีย

มาตรการใหม่นี้ ครอบคลุมสินค้าในร้าน Chanel ที่มีราคาสูงกว่า 300 ยูโร หรือประมาณ 11,000 บาท ซึ่งสินค้าในร้าน Chanel ก็ราคาสูงกว่านั้นแทบจะทุกชิ้นอยู่แล้ว โดยขณะนี้ ก็เริ่มมีชาวรัสเซียที่อาศัยอยู่ในยุโรป รวมทั้งในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลายคนออกมาเปิดเผยว่าถูกร้าน Chanel ขอดูบัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทาง ตอนเข้าไปในร้าน และปฏิเสธที่จะขายสินค้าให้ ซึ่งพวกเขามองว่านี่เป็นการเลือกปฏิบัติและเป็นการสร้างกระแสเกลียดชังชาวรัสเซีย ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านวงการแฟชันมองว่า การไม่ขายสินค้าให้ลูกค้าชาวรัสเซีย ไม่น่าจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการของ Chanel เพราะชาวรัสเซียเป็นหนึ่งในลูกค้ากลุ่มใหญ่ที่สุดของ Chanel