ไบเดนหนุนสอบปูตินคดีอาชญากรรมสงคราม

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่เดินทางกลับจากการพักผ่อนวันหยุดที่รัฐเดลาแวร์ ได้กล่าวถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินว่า

"ชายคนนี้อำมหิต และสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองบูชาเป็นเรื่องที่ร้ายแรงอย่างยิ่ง"

ซึ่งเขาหมายถึงการพบศพพลเรือนหลายศพอยู่ในสภาพถูกมัดมือ ถูกยิงระยะเผาขน และมีร่องรอยถูกทรมาน ขณะที่รัฐบาลยูเครนอ้างว่านับศพของพลเรือนในพื้นที่รอบกรุงเคียฟได้มากกว่า 400 ศพ ท่ามกลางเสียงประณามจากทั่วโลก ที่ต้องการให้คว่ำบาตรรัสเซียให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น 

เมื่อวันที่ 17 มีนาคม ไบเดนได้เรียกปูตินว่า "อาชญากรสงคราม" แต่ตอนนั้นทำเนียบขาวชี้แจงว่า เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวไม่ใช่คำเรียกอย่างเป็นทางการ แต่อีก 6 วันถัดมา สหรัฐฯ ได้กล่าวหารัสเซียอย่างเป็นทางการว่า "ก่ออาชญากรรมสงคราม" และกำลังรวบรวบหลักฐานเพื่อพิสูจน์ และไบเดนก็เรียกปูตินว่า "อาชญากรสงคราม" ซ้ำอีกเมื่อวันจันทร์ (4 เมษายน) และบอกว่า แต่เราต้องรวบรวมข้อมูลและจะต้องจัดหาความช่วยเหลือด้านอาวุธ ให้ยูเครนไปใช้สู้รบกับรัสเซียต่อไป 

ในประเด็นของความพยายามเอาผิดรัสเซียฐานก่ออาชญากรรมสงครามนั้น มีเพียงสถานที่เดียวที่จะรับสำนวนการฟ้องร้องได้ ซึ่งก็คือศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ปี 2555 และกำลังจะครบ 20 ปี ในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ ซึ่ง อำนาจของ ICC ใช้กับปัจเจกชนผู้ก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ 4 ประเภท ได้แก่ อาชญากรรมทำลายล้างเผ่าพันธุ์, อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ, อาชญากรรมสงคราม และอาชญากรรมการรุกราน ซึ่งประเด็นหลังต้องอาศัยการตีความโดยรัฐภาคีธรรมนูญกรุงโรม ซึ่งหมายถึงภาคีสมาชิกที่ร่วมลงนามในการจัดตั้ง ICC ที่กรุงโรมของประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2541 นั่นเอง 

ดมิโทร คูเลบา รัฐมนตรีต่างประเทศยูเครน กล่าวว่าหลักฐานการสังหารพบเรือนเป็นแค่ "ยอดภูเขาน้ำแข็ง" เพราะทหารยูเครนยังเข้าไปไม่ถึงทุกจุดที่เคยถูกทหารรัสเซียยึดครอง ด้านประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ได้แถลงต่อรัฐสภาโรมาเนียเมื่อเย็นวันจันทร์ว่ายูเครนปกป้องตนเองไม่ได้ และรัสเซียจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยูเครนต่อไปเหมือนกับที่ทำกับชาวบูชา 

รายงานของสหประชาชาติระบุว่านับตั้งแต่รัสเซียบุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ มีพลเรือนถูกสังหารอย่างน้อย 1,417 คน และราว 1 ใน 4 ของประชากร 44 ล้านคน ต้องไร้ที่อยู่อาศัย ส่วนอีกราว 4 ล้านคน ลี้ภัยไปประเทศอื่น