"เลือกตั้งนายกเมืองพัทยา" กับยุทธศาสตร์สับขาหลอกของตระกูลคุณปลื้ม(คลิป)

รายการคมชัดลึก โดยมีวราวิทย์ ฉิมมณี พิธีกรรายการสัมภาษณ์ "คุณสนธยา คุณปลื้ม" ศึกเลือกตั้ง นายกเมืองพัทยา พิสูจน์บารมีบ้านใหญ่ตระกูลคุณปลื้ม ทายาทกำนันเป๊าะ การเมืองท้องถิ่น สะท้อนการเมืองระดับชาติ

"สนธยา" ยัน ไม่มีเอี่ยวคดีกำนันเป๊าะ

วราวิทย์ - มีข้อติฉินนินทากันในทางการเมืองสัก 2-3 ประเด็น ว่า 1.ที่คุณสนธยาได้มาเป็นที่ปรึกษา คุณอิทธิพลได้มาเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี แล้วก็ได้มาเป็นนายกเมืองพัทยาเป็นการแลกกับคดีของกำนันเป๊าะให้ท่านกลับมารักษาตัว ให้ท่านได้รับการดูแลอย่างดีในช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน

2.เพื่อแลกกับการที่พรรคพลังชลจะยุติกิจกรรมไปก่อน แล้วมารวมกับพรรคพลังประชารัฐปัจจุบัน เพื่อสู้ศึกเลือกตั้ง 2 ประเด็นนี้มันเป็นข้อแลกเปลี่ยนการที่คุณสนธยาได้เป็นนายกเมืองพัทยาได้เป็นที่ปรึกษานายกในตอน คสช.หรือเปล่า 

คุณสนธยา - ไม่ใช่ โดยเฉพาะประเด็นแรกเรื่องของคุณพ่อ ไม่ใช่แน่นอน  ถึงแม้ตอนนี้ท่านจะไม่อยู่แล้ว เพราะถือว่าในส่วนของเรื่องถ้าให้มีการแลกเปลี่ยนกันแบบนั้น ไม่ใช่ลูกผู้ชายนะครับ ผมคิดว่าที่ผ่านมาเราต้องยอมรับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของเรื่องคำตัดสินของศาลหรืออะไรตามข้อต่อสู้ที่เราเคยต่อสู้กันมา ทุกอย่างถ้าลองไปดูว่ามีอะไรบ้างประเด็นไหนยังไง แต่ถ้ามาถึงสุดท้ายแล้วในส่วนของเรื่องศาลจะตัดสินใจออกมาอย่างไร เราก็ต้องเคารพแล้วก็ในส่วนของเรื่องเส้นทางต่างๆคุณพ่อเขาก็เป็นคนเลือก ว่าเขาจะต้องหายังไงแบบไหน ไม่เกี่ยวกับประเด็นทางการเมืองของลูกๆเลยไม่ได้เกี่ยวตรงนี้เลย เพราะว่าตั้งแต่ต้นมาก็ไม่ได้เกี่ยวในเรื่องกับสิ่งต่างๆเหล่านี้อยู่แล้ว 

วราวิทย์ - แล้วถ้าการไปรวมกับพลังประชารัฐเพื่อจะเลือกตั้งในปี 62 

คุณสนธยา - ผมเรียนได้เลยว่ามีการพูดคุยและเห็นว่าที่ผมเคยโพสต์ ตอนนั้นคงจำหน้าที่ผมเคยโพสต์เรื่องนี้ เรื่องการมาทำพลังประชารัฐช่วงนั้น คือผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของทางด้านการเมืองเป็นเรื่องของการที่จะต้องทำงานทางการเมือง หรืออย่างต่อเนื่องหรือเรื่องการวางยุทธศาสตร์ยังไงก็แล้วแต่ ท่านจะเห็นว่าไม่ใช่แต่พลังประชารัฐ ทุกพรรคการเมืองก็ต้องมีการพูดคุยเจรจา หรือว่าเชิญชวนกลุ่มการเมืองนักการเมืองหรือว่าบุคคลต่างๆให้เข้ามาทำงานทางการเมืองร่วมกันในพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ซึ่งอันนั้นเป็นเรื่องของทางการเมืองอยู่แล้ว แต่ ณ วันนั้นไม่มีพรรคการเมือง อาจจะเป็นในส่วนของเรื่องพลังประชารัฐครับ ตอนนั้นในปี 61 ยังไม่มีพลังประชารัฐด้วยซ้ำไป มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการทำงานทางการเมืองร่วมกัน ซึ่งปกติจะมีในส่วนของเรื่องตั้งแต่สมัย รสช.

ถ้าจำกันได้ ผมเล่นการเมืองครั้งแรกปี 35 ตอนนั้นสมัย รสช.เราก็มาในส่วนของเรื่องพรรคสามัคคีธรรม ก็เป็นลักษณะของการที่มีการพูดคุยเพราะฉะนั้นเรื่องการเมืองการสร้างพรรคการทำพรรคเป็นเรื่องปกติของการที่จะต้องมีการพูดคุยกัน อาจจะมีในส่วนของเรื่องการที่จะดูด้วยซ้ำไปว่าการที่จะมารวมในการทำงานทางการเมืองสร้างพรรคการเมือง หรือการก่อให้เกิดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง จะมีวิธีและก็จะมีเขาเรียกว่าวิถีของการเมือง ณ วันนั้น เวลานั้นว่าจะเป็นอย่างไร

เหมือนอย่างที่ผมโพสต์ เห็นว่ามันเป็นเรื่องของการที่มาทำงานการเมืองในรูปแบบ ณ วันนั้นในเวลาพิเศษ ที่จะต้องมาทำงานร่วมกันซึ่งเราก็เห็นแล้วว่าพอเข้ามาตรงนี้เสร็จเลยนะ

นั่นคือ 1 การเมืองต้องมีการเลือกตั้ง พอมีการทำตรงนั้นเข้ามามี EEC ถ้าเราไม่เข้ามาตั้งแต่ตอนนั้นเนี่ยป่านนี้ผมยังไม่ทราบว่าหน้าตาของ EEC จะเป็นอย่างไร อาจจะดีกว่านี้ก็ได้หรือว่าอาจจะมีข้อมูลหรืออะไร เราคิดว่าถ้าเราเข้ามามีข้อมูลในการที่จะเข้ามาทำงานเนี่ยได้มากขึ้นเนี่ย มันก็จะทำให้ความสมบูรณ์ในสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ณ ตอนนั้นจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่ต่อรองว่าถ้าแบบนี้จะได้ไหมจะยังงั้นไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกัน  

ก้าวต่อไปของ "สนธยา คุณปลื้ม"

วราวิทย์ - คุณสนธยาอยู่ในตำแหน่งนายกตั้งแต่ปี 61 ทำไมไม่ตัดสินใจลงเลือกตั้ง เพราะเป็นนายกเมืองพัทยาเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือนแล้ว

คุณสนธยา - คือจริงๆแล้วเป็นความตั้งใจตั้งแต่ต้น  คือ  1.ความจำเป็น 2.สิ่งที่เราคิดว่าเราเข้ามาในเรื่องของการเตรียมในแผนต่างๆไว้ ในการที่จะรองรับสิ่งที่ผมได้เรียนไป แล้ว ณ วันนั้นเราก็มองเลยว่าพอเราทำงานตรงนี้ได้ในระดับหนึ่ง เราในฐานะที่อยู่กับการเมืองปีนี้เป็นปีที่ 33 แล้วสำหรับผมตั้งแต่การเมืองใหญ่วันแรกจนถึงปัจจุบันปีนี้เป็นปีที่ 33 ซึ่งเราดูการเมืองทั้งทางการเมืองใหญ่ดูทั้งการเมืองในระดับท้องถิ่น ซึ่งเป็นการทำงานที่เชื่อมโยงแบบนี้มาโดยตลอด เพราะฉะนั้น ณ วันนั้นการที่เราวางตัวลงมาที่พัทยาเเป็นยุทธศาสตร์ในการทำงานทางการเมืองของเรา เป็นยุทธศาสตร์ในการที่ที่ผมกำหนดขึ้นหรือว่าทีมเรากำหนดขึ้น ถ้าวันนั้นถ้าเราไม่ลงมาเองในการที่เข้ามาทำงานจะทำให้ในส่วนของเรื่องการวางแผนการกำหนดอะไรต่างๆทุกวันนี้ ซึ่งแผนต่างๆที่ได้รับมอบหมายในการที่จะเตรียมทางพัทยาเพื่อรองรับการเจริญเติบโตไปอนาคต วันนี้แผนต่างๆค่อนข้างที่จะเสร็จไปแล้วหลายเรื่อง ซึ่งจะต้องเดินหน้าต่อในอนาคต คือมันเป็นมันเป็นสิ่งที่เป็นยุทธศาสตร์ในการที่เราจะต้องลงมา วันนั้นผมอาสาขอลงมาเอง พอตรงนี้เสร็จแล้วก็ยังต้องทำงานทางการเมืองที่จะต้องเชื่อมโยงในทั้งในระดับประเทศและลงมาสู่ท้องถิ่นเหมือนเดิม เป็นทีมงานทางการเมืองของทีมชลบุรี 

วราวิทย์ - ถ้าวันนั้นจำเป็นแปลว่าวันนี้ยุทธศาสตร์เปลี่ยนแล้วหรือเปล่า คุณสนธยาจะกลับไปเล่นการเมืองระดับชาติแล้วใช่ไหม

คุณสนธยา - ใช่ครับ คือง่ายๆพอครบวาระพัทยาเราก็วางคุณปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมงานอย่างที่ผมเรียนเราวางไว้ตั้งแต่ต้น คุยกันไว้ว่าจะมาเพื่อที่จะมาทำงานต่อแล้วเราก็จะกลับมาทำงานเพื่อที่จะทำให้ ผมเองจะเรียกว่าเป็นประธานยุทธศาสตร์หรือว่าเป็นประธานในการทำงานของกลุ่มการเมืองชลบุรีของเรา ในการที่เราจะต้องมามองในเรื่องของที่เป็นยุทธศาสตร์หรือว่าในเรื่องของแนวทางในการทำงานในแต่ละระดับ และการลงมาอยู่ในพัทยาถือว่าในช่วงเวลา 3 ปี 6 เดือน เราก็วางพื้นฐานต่างๆเอาไว้ค่อนข้างที่จะพร้อม ในการที่จะมาเดินหน้าต่อสำหรับผู้ที่จะมาเป็นนายกเมืองพัทยาคนต่อไป

เราถึงได้กลับมาในเรื่องของการมองการเมืองภาพใหญ่ของเรา ว่าต่อไปกลุ่มชลบุรีเราจะทำงานทางการเมืองที่จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร อันนี้เป็นแนวทางที่เราได้วางไว้เป็นยุทธศาสตร์ที่วางไว้ตั้งแต่ตอนที่เราเข้ามา ตั้งแต่ตอนที่ผมเป็นที่ปรึกษาและท่านรัฐมนตรีอิทธิพลเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี