ปัจจัยที่บอกว่าทำให้ทางเดินไม่โรยด้วยกลีบกุหลาบ คือ
1.การเปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" ที่ทับซ้อนกับภาพของอดีตนายกฯ ทักษิณ จึงทำให้พรรคนี้กลายเป็นพรรคชินวัตรเต็มตัว และเกิดแรงต่อต้านจากประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เอาทักษิณ ชินวัตร และกลัวการกลับมาของทักษิณแบบเท่ๆ คือ ไม่ต้องติดคุก หรือไม่ยอมรับโทษใดๆ ก่อน เท่ากับอยู่เหนือกระบวนการยุติธรรม
2.การมี ส.ว. 250 คน ร่วมโหวตเลือกนายกฯ ทำให้คะแนนของแคนดิเดตที่ต้องการ "จองเก้าอี้" เอาไว้ก่อน ยังขาดอยู่เพียง 125 เสียงเท่านั้น หาก ส.ว. 250 คน พร้อมใจกันเทแต้มให้แคนดิเดตคนใดคนหนึ่งอย่างไม่แตกแถว
โดยข้อ 2 จะเป็นผลมาจากข้อ 1 ยิ่งเพื่อไทยไม่ชนะแบบแลนด์สไลด์มากเท่าไหร่ หมายถึงว่าคะแนนต่ำกว่า 250 มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นความชอบธรรมให้ ส.ว.เลือกแคนดิเดตจากพรรคอื่นขึ้นเป็นนายกฯมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช สะท้อนไว้อย่างน่าสนใจ
-การเปิดตัวอุ๊งอิ๊ง จะเป็นผลบวกให้กับพรรคเพื่อไทย ด้วยการเพิ่มคะแนนนิยม หรือ จำนวน ส.ส.ได้บ้าง
-แต่ผลลบคือเกิดแรงต้านจาก "กลุ่มไม่เอาทักษิณ" ที่จะลุกฮือขึ้นมาได้อีก
-คนไทยมีภาพจำของอดีตนายกฯทักษิณ เป็นภาพการทำการเมืองแบบครอบครัว ส่งคนในครอบครัวมาเป็นตัวแทน และทำเพื่อผลประโยชน์ต้ัวเอง
เช่น ส่งน้องสาว คือ "ยิ่งลักษณ์" มาเป็นนายกฯ สิ่งแรกที่ทำคือคืนพาสปอร์ตให้ทักษิณ และต่อมาก็ผลักดันกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย จนทำให้เกิดการชุมนุมต่อต้านไปทั่วประเทศ
หลังจากเพื่อไทยเปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" เป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ใหญ่กว่าหัวหน้าพรรค ก็เกิดกระแสต้านจริง และหากเปิดตัวชัดกว่านี้ เช่น เป็นแคนดิเดตนายกฯ ก็จะมีการขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาโจมตีมากขึ้น อาทิ ข้อสอบเอนทรานซ์รั่ว หรือแม้แต่การทำหน้าสแยะใส่ศาล เพราะไม่พอใจแนวคำพิพากษาที่ให้ครอบครัวตัวเองแพ้คดีเลี่ยงภาษี
ขณะที่กลุ่มต้านทักษิณ ก็รวมตัวกันวิพากษ์วิจารณ์การเปิดตัว "หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย" อย่างกว้างขวาง
ล่าสุดมีข่าวว่า กลุ่มสนับสนุนนายกฯลุงตู่ ตื่นตัวขึ้นมา เดินหน้าจับมือควบรวมกลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์ปฏิเสธทักษิณเข้าด้วยกัน เพื่อเปิดเกมการเมืองสู้กับเพื่อไทย
พูดง่ายๆ คือ การเปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" ทำให้กลุ่มต้านทักษิณที่มีพลังลดน้อยลงไปก่อนหน้านี้ กลับคึกคักขึ้นมาอีก และโมเดลพรรคสำรองของนายกฯ ก็ถูกปัดฝุ่นกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากความจำเป็นทางการเมืองที่ต้องต่อสู้กับระบอบชินวัตร
ขณะที่ความจำเป็นของการสนับสนุนลุงตู่ต่อไปก็เกิดขึ้น ทำให้คนที่เคยเชียร์"บิ๊กตู่" ที่ระยะหลังๆ ผิดหวังหรือเริ่มเบื่อ อาจจะต้องหันมาเชียร์ต่อ เพราะยังไม่มีใครมีศักยภาพพอที่จะถ่วงดุลคนแดนไกลได้ในเวลานี้
ผลงานเด่นๆ ของ"ลุงตู่" เริ่มถูกหยิบขึ้นมาพูด โดยเฉพาะฟื้นสัมพันธ์กับซาอุฯ ซึ่งรัฐบาลเครือข่ายทักษิณทุกรัฐบาลทำไม่ได้
การรวมพรรค หรือจับมือกันของเครือข่ายต้านทักษิณ ก็เช่น
-พรรครวมพลังประชาชาติไทย (หรือรวมพลัง - กำนัน)
-พรรครวมไทยสร้างชาติ (แรมโบ้)
-พรรคไทยสร้างสรรค์ (บิ๊กตั้น)
-พรรคไทยภักดี (หมอวรงค์)
พร้อมระดมขุนพลจากพรรคต่างๆ เข้ามา เช่น ประชาธิปัตย์ (ขิง เอกนัฏ) พลังประชารัฐ (กลุ่มอดีต กปปส.) มารวมกันเพื่อความแข็งแกร่งทางการเมือง สกัดคนแดนไกลกลับบ้าน
การรวมตัวกันของพรรคและกลุ่มการเมืองปฏิเสธทักษิณ กลายเป็นทางออกทางการเมืองให้กับ "ลุงตู่" ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน ที่เข้าพรรคพลังประชารัฐไม่ได้ เพราะถูกพี่ใหญ่กีดกัน โดยอ้างความหวังดี กลัวผิด พ.ร.ป.พรรคการเมือง ว่าด้วยการครอบงำจากคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกพรรค
ล่าสุดวานนี้ "พี่ใหญ่ - บิ๊กป้อม" ให้สัมภาษณ์เรื่องการเมือง
-ประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐไม่มีเซอร์ไพรส์ = ความหมายคือตำแหน่งหลักไม่เปลี่ยน โดยเฉพาะหัวหน้าพรรค
-นายกฯไม่ต้องมา มาไม่ได้ เดี๋ยวผิดกฎหมาย = นายกฯยึดพรรคไม่ได้ อ้างผิดกฎหมาย แต่แสดงว่านายกฯไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เพราะถ้าเป็นสมาชิก ต้องเข้าประชุมได้ ฉะนั้นโอกาสยึดพรรคจึงเป็นศูนย์
-ไม่ยอมปล่อย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไปอยู่รวมไทยสร้างชาติตามข่าว
-แสดงตัวเป็น "บิ๊กบราเธอร์" มั่นใจเสียงสนับสนุนไร้ปัญหา ผ่านศึกซักฟอกแน่ เศรษฐกิจไทยไม่ก่อผลกระทบ = ความหมายคือ การจะอยู่หรือไปของนายกฯ อยู่ในกำมือพี่ใหญ่
จากท่าทีนี้ ชัดว่า นายกฯเข้าพลังประชารัฐไม่ได้ และการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตก็ยังต้องรอต่อไป นายกฯก็ยังขาลอย ฉะนั้นการเตรียมพรรคสำรอง จึงจำเป็น และครั้งนี้ก็มีเหตุที่จะทำได้แบบไม่หักหน้าพี่ใหญ่ คือ การเตรียมพรรคสำหรับต่อสู้กับทักษิณ และพรรคนี้อาจเสนอชื่อ "บิ๊กตู่" เป็นแคนดิเดตได้เลย หากเกิดอุบัติเหตุอะไรในส่วนของพลังประชารัฐ โดยเฉพาะท่าทีแทงกั๊กแปลกๆ ของ "บิ๊กป้อม" เมื่อถามถึงการจัดรัฐบาลหลังเลือกตั้งที่เชื่อว่าเพื่อไทยจะเป็นแกนนำ
และการก่อกำเนิดของฝั่ง "ไม่เอาทักษิณ" จะกลายเป็นอีกหนึ่งขวากหนามแลนด์สไลด์ของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคประชาธิปัตย์ที่ร่วมอยู่ในฝั่งนี้ด้วย ก็น่าจะคึกคักมากขึ้น
หากรวมกับปัจจัยอื่นๆ ทั้งหมด แล้วสุดท้ายเพื่อไทยชนะแต่ไม่แลนด์สไลด์ กลไก ส.ว. 250 เสียง ก็จะกลับมามีบทบาทกำหนดทิศทางการเมืองและการจัดตั้งรัฐบาล เช่น
-ชิงโหวตจองนายกฯไว้ก่อน แล้วค่อยหาพรรคมาร่วม ทำลายสัตยาบันของฝ่ายค้านปัจจุบันที่ลงเอาไว้ เพราะมีฝ่ายค้านบางพรรคพร้อมเปลี่ยนขั้วร่วมรัฐบาล โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นฝ่ายค้านนานๆ ไม่ได้ผลักดันนโยบาย ประชาชนไม่ได้ประโยชน์
-เป็นแรงกดดันให้พรรคขนาดกลางและเล็กคิดหนัก หากไม่หนุนพรรคที่ ส.ว.เชียร์อยู่ ส.ว.อาจไม่โหวตให้ กลายเป็นเดดล็อกการเมือง เลือกตั้งได้แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้
-เป็นความชอบธรรมให้กับพรรคกลางค่อนไปทางใหญ่ อย่าง ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย ในการจับมือกับขั้วลุงตู่ต่อไป เพื่อไม่เอาทักษิณ
สุดท้ายอาจมีการอ้างเหตุผล กลัวประเทศเสียหาย ถ้าตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะยิ่งแย่ จึงหันมาจับมือกันเป็นพันธมิตรพรรคร่วมรัฐบาลเดิม เพื่อตั้งรัฐบาลชุดใหม่
ถ้าออกมาแบบนี้ เพื่อไทยก็แลนด์ไถล ของจริง