โดย ผศ.ดร.อรรถสิทธิ์ พานแก้ว นักวิชาการสาขาการเมืองการปกครอง จากรั้วมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิเคราะห์ทวงทีที่ปรากฏตอนนี้ ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องปกติในการต้อนรับ "อุ๊งอิ๊ง" เข้าสู่ถนนการเมืองอย่างเต็มตัว ดังนั้น คงไม่มีใครปฏิเสธ เปรียบเสมือนรับน้องก็ยื่นมิตรไมตรีให้
ทั้งนี้ "อุ๊งอิ๊ง" ก็ถือเป็นคนรุ่นใหม่ หากจะไปปฏิเสธเลยก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่ใจร้าย ซึ่งเรื่องต่างๆก็ไปว่ากันในอนาคตกันอีกทีหนึ่งว่าจะร่วมกันได้หรือไม่ ซึ่งต้องไม่ลืมว่าการเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร อีกทั้ง พรรคเพื่อไทยเองก็มีขั้วตรงข้ามและไม่ปฏิเสธหรือตอบรับมากไป ก็ถือเป็นเรื่องดีกว่า แต่สิ่งที่น่าใจอยู่ที่พรรคขนาดกลางและไปได้ทุกขั้ว
"การที่ทุกคนไม่ปฏิเสธ สำหรับคนเพิ่งเข้ามาถือเป็นมารยาทการเมือง เราจะไม่สนเขาเลยคงไม่ได้ แต่การเมืองไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวร ทุกอย่างเกิดขึ้นได้" รศ.ดร.อรรถสิทธิ์ กล่าว
ส่วนจะจับมือการเมืองกันในอนาคตหรือไม่นั้น หากให้ตอบตอนนี้ก็คงเร็วเกินไป แต่โอกาสไม่ได้ปิด และต้องยอมรับการเมืองเป็นเรื่องตัวเลข และพรรคที่ไปตรงไหนก็เปิดประตูทิ้งไว้ก่อน แต่โอกาส ตัวเลข ถ้าตัวหารไม่เยอะ ก็ดี เพราะหากใหญ่กับใหญ่เจอกัน ก็จะวุ่นวาย แต่ทุกฝ่ายก็มองเห็นตัวเลขความเป็นไปได้ตรงนี้ ดังนั้น การเมืองต้องคิดไว้ทุกทาง เพราะการเมืองเป็นเรื่องของกระแส และทุกความเคลื่อนไหวมีความหมาย
สำหรับ "อุ๊งอิ๊ง" จะถึงขั้นเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ ประเมินว่าเป็นการเปิดตัวผู้เล่นที่สามารถเป็นตัวเลือกได้ แต่พรรคเพื่อไทยก็ยังไม่ฟันธง ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้มองได้ 2 อย่าง 1.การเปิดตัว สถานที่ และสปีช เพื่อย้ำแบรนด์เพื่อไทย 2.ปลุกฐานเก่าพร้อมขยายฐานคนรุ่นใหม่ แต่การเปิดตัวแบบนี้เป็นจุดเริ่มต้น หากตอบรับดี ก็อาจเป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต เปรียบเหมือนการทดลองตลาด ซึ่งะหากตอบรับดี ก็ไปได้ แต่หากไม่ใช่ ก็ต้องจัดให้เหมาะสม เพราะเพื่อไทยเล่นได้หลายมุมการเมืองทั้งฐานเดิมพร้อมดึงคนรุ่นใหม่
ขณะที่ รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำสาขาวิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มองว่า การเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” จะเป็นผลบวกให้กับพรรคเพื่อไทย และอาจสามารถเพิ่มคะแนนให้กับพรรคได้บ้าง ขณะที่ผลลบของการเปิดตัวก็อาจจะเกิดแรงต้านจากกลุ่มต้านทักษิณ ที่จะลุกฮือขึ้นมาได้อีก เพราะยังมีภาพจำของนายทักษิณ ภาพการทำการเมืองแบบครอบครัว มีการส่งคนในครอบครัวลงมาเป็นตัวแทน เช่น ในสมัยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ น้องสาวของนายทักษิณ ซึ่งมีการเสนอกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอย จนทำให้เกิดการชุมนุมต่อต้าน
"อุ๊งอิ๊งถือเป็นตัวแทนนายทักษิณ เป็นการส่งสัญญาณ ให้เห็นว่านายทักษิณ จะยังไม่ขยับหนีจากเพื่อไทย และยังตอกย้ำว่านายทักษิณจะยังไม่วางมือทางการเมือง อีกทั้ง อาจส่งผลทำให้กลุ่มเก่าของเพื่อไทย มีการขยับกลับพรรคเพื่อไทยด้วย และกลุ่มที่กำลังจะขยับออกก็อาจจะเปลี่ยนใจอยู่ต่อ" รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว
ส่วนเพื่อไทยจะส่ง "อุ๊งอิ๊ง" ลงเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ คงให้น้ำหนักที่ 70% ส่วนอีก 30% ดูกระแสสังคม และผลตอบรับหลังเปิดตัว "อุ๊งอิ๊ง" อย่างไรก็ตาม มองว่าพรรคเพื่อไทยยังมีตัวเลือก หรือทางเลือกอื่น ดังนั้น จึงต้องดูไปอีกซักระยะหนึ่ง
สำหรับกรณีที่พรรคเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ดูแทงกั๊ก เหมือนรู้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยจะได้รับคะแนนนิยมสูงนั้น ซึ่งพรรคเล็กพรรคจิ๋วในเวลานี้พร้อมขยับได้ตลอดเวลา อย่าง กลุ่มของร.อ.ธรรมนัส ซึ่งมีสายสัมพันธ์อันดีกับพรรคเล็กพรรคจิ๋ว และยังมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อไทยอยู่ ดังนั้น การที่พรรคเล็ก พรรคร่วมจะมีการขยับในเวลานี้ต้องมีการประเมินสถานการณ์และความได้เปรียบเสียเปรียบ และหากพรรคเล็กถ้ารวมกลุ่มกันได้แล้วไปอยู่ตรงไหนก็ย่อมทำให้การการเมืองเปลี่ยน
ด้าน ดร.จารุพล เรืองสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณเดินหน้าเต็มตัวในการเตรียมเลือกตั้งครั้งใหม่ ซึ่งเป็นไปตามแผนของพรรคการเมืองที่ใกล้จะเลือกตั้งแล้ว โดยพรรคเพื่อไทยยังใช้นายทักษิณเป็นจุดขาย และกระแสที่เกิดขึ้นแน่นอนว่าเปรี้ยงปร้างพอสมควร แต่ต้องรอดูในอนาคตอีกว่าสุดท้ายแล้วนายทักษิณ ยังเป็นจุดขายได้มากน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคการเมืองต่างๆ น่าจะมุ่งเป้าไปที่คนรุ่นใหม่มากขึ้น
"เพื่อไทยพยายามขยับอยู่เรื่อย ที่ผ่านมาจะเห็นการใช้ช่องทางออนไลน์ในการสื่อสารต่างๆ ในการสื่อสารกับประชาชน เชื่อว่าน่าจะมีส่วนช่วยเพิ่มคะแนน เพราะอุ๊งอิ๊งเป็นแบรนด์ดิ้งตัวแทนทักษิณชัดเจน มีผลต่อแฟนคลับเพื่อไทย" ดร.จารุพล กล่าว
ส่วนเพื่อไทยจะส่งอุ๊งอิ๊งลงเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ ส่วนตัวมองว่ามีโอกาสที่จะส่งลง เพราะบรรยากาศเทไปที่คนรุ่นใหม่ พรรคอื่นก็ต้องงัดคนรุ่นใหม่มาสู้เช่นกัน ส่วนพรรคไหนส่งคนรุ่นเก่า อาจจะทำให้เสียเปรียบได้ แต่สุดท้ายต้องดูสถานการณ์การเมือง ถ้าไม่เหมาะก็ไม่ส่ง
สำหรับกรณีที่พรรคเล็กที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ดูแทงกั๊ก เหมือนรู้ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าเพื่อไทยจะได้รับคะแนนนิยมสูง มองว่าเป็นธรรมชาติของการเมือง การเมืองเป็นเรื่องผลประโยชน์ ประกอบกับการแสดงทาทีของพรรคร่วมในตอนนี้อาจจะมองว่าอนาคตเพื่อไทยอาจจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในครั้งหน้า ดังนั้นจึงต้องสงวนท่าทีเพื่อประเมินสถานการณ์