ครบรอบ 28 วัน "แตงโม" ตกน้ำเสียชีวิต คดีไปถึงไหน-ดราม่าลามทุกวงการ

เป็นเวลายาวนานกว่า 28 วันเต็ม นับตั้งแต่ “แตงโม นิดา” นักแสดงสาวชื่อดัง พลัดตกเรือจมน้ำสูญหายเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ก่อนจะพบร่างลอยขึ้นมาเหนือแม่น้ำเจ้าพระยา ในอีก 2 วันถัดมา

 

จนมาถึงวันนี้ (24 มี.ค.) ซึ่งเป็นวันครอบรอบที่ “แตงโม” พลัดตกเรือ และอาจเป็นวันที่ตัวเธอเสียชีวิต คดียังไม่มีความกระจ่างชัดเท่าที่ควร ท่ามกลางข้อสงสัยต่างๆ จากคนในสังคมว่า สุดท้ายคดีจะเป็นเรื่องของ “อุบัติเหตุจากความประมาท” หรือ “เจตนา” กันแน่??

 

เดี๋ยวเราจะมาไล่เรียงรายละเอียดในคดีว่า ครบรอบ 28 วันที่ “แตงโม” พลัดตกน้ำเสียชีวิต คดีนี้ไปอยู่ที่จุดไหน คืบหน้าแล้วกี่เปอร์เซ็นต์ มีประเด็นอะไรบ้างที่แตกแขนงแยกย่อยออกไป มากกว่าหลากหลายคดีที่ผ่านมาในอดีต

ตำรวจทำคดีคืบหน้าถึงไหน?

 

ตลอดการทำงานรอบ 28 วันที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า “ตำรวจ” ตกเป็นเป้าของสังคมอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเมื่อบรรดาเพื่อนผู้ตายบางคนที่เป็นพยานบนเรือ มีฐานะร่ำรวย ทำให้หลายคนเฝ้าจับตาว่า คดีนี้จะมี “มวยล้มต้มคนดู” หรือไม่

 

โดยความคืบหน้าทางด้านคดี พล.ต.ท.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร ผบช.ภ.1 แถลงเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) ว่า มีการสอบปากคำพยานไปแล้ว 115 ปาก แม้จะมีหลักฐานบางอย่างที่ยังเก็บไม่ครบ เช่น กระโปรงสีขาวของ “แตงโม” ที่สูญหายไป แต่จากหลักฐานที่มีอยู่ ถือว่า “แน่นหนา” เหลือเพียงรอผลการตรวจสอบนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะแล้วเสร็จภายใน 1-2 สัปดาห์ ก็จะเข้าสู่ขั้นตอนสรุปสำนวนได้

ส่วนก่อนหน้านี้ ทางทีมทนายของนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของ “แตงโม” นำโดยนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดัง แถลงข่าวหลังรับฟังผลจากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ รวมถึงการสืบสวนสอบสวนของตำรวจ ที่สอดคล้องกับผลการชันสูตรรอบ 2 แบบเบื้องต้น ชุดที่มี “หมอพรทิพย์” คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา และอดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เป็นที่ปรึกษา

 

ผลสรุปพบว่า 1.ผู้ตายไม่มีการฟันหักตามคำกล่าวอ้าง 2.ลูกตาปกติ ไม่มีบาดแผล 3.ศีรษะกะโหลกไม่แตก ไม่มีรอยช้ำ 4.รอยช้ำที่ลำคอ พบว่าตาไม่มีเลือดออก จึงไม่มีอาการขาดอากาศก่อนตกน้ำ 5.บาดแผลที่ขา มีลักษณะเฉพาะตัว ต้องรอพนักงานสอบสวน เปรียบเทียบวัตถุต่างๆ 6.กระเพราะปัสสาวะมีปัญหาศพเน่า จึงบอกอะไรไม่ได้

ขณะที่แนวทางการทำคดี พอจะจับชีพจรได้ว่า พนักงานสอบสวนมุ่งไปที่ประเด็นหลักว่า สาเหตุการตายเกิดจาก “อุบัติเหตุจากความประมาท” โดยมี 2 คน ที่ถูกแจ้งข้อหา คือ "ปอ" ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เจ้าของเรือ และ "โรเบิร์ต" ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ คนขับเรือช่วงเกิดเหตุ

 

แม้ยังมี “พยานบางคน” ให้การคล้าย “ปกปิด” ข้อมูลบางอย่าง หรือมีการ “ให้การเท็จ” รวมถึงช่วย “ซ่อนเร้นหลักฐาน” จนมีกระแสข่าวเป็นระยะว่า เร็ววันนี้จะมีบุคคลที่ 3-4 ถูกแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม แต่การที่เหล่าบุรุษโล่เงิน มักจะออกมาพูดน้อย เพราะกลัว “เสียรูปคดี” ในยุคสังคมโซเชียลแบบนี้ ฉะนั้นคงเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีเสียงตำหนิผ่านแป้นพิมพ์ไม่เว้นวัน

ใครที่โผล่เข้ามามีบทบาทพร้อมข้อครหา “หิวแสง” ในคดีนี้?

 

นอกจากเป็นคดีที่สลับซับซ้อนแล้ว คดีการตายของ “แตงโม” ยังจัดอยู่ในหลากหลายหมวดหมู่ข่าวพร้อมกัน เพราะนับตั้งแต่ดาราสาวจมน้ำสูญหาย กระทั่งวันเจอร่าง ได้มีบรรดาผู้รู้ “วงใน” และ “นักสืบสวนเหนือธรรมชาติ” ที่ไม่ใช่เพื่อนสนิท หรือเป็นญาติผู้ตาย ออกมาให้ข้อมูลอยู่เป็นระยะ

 

ทั้ง “อ.เจ จักรรินทร์” ที่อ้างตัวว่าเป็นนักพยากรณ์ ถึงขั้นล่วงรู้วันเกิด “พระศรีอารย์” ในปี 5,021 ซึ่งเป็นพระโพธิสัตว์ผู้จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายแห่งภัทรกัปนี้ โดยเจ้าตัวเป็นคนเขียนจดหมายเรื่องการทำพิธีโปรยดอกบัว ก่อนนำไปแขวนไว้ที่ท่าเรือพิบูลสงคราม 1 จนเจอร่างของ “แตงโม” ลอยขึ้นมาในวันเดียวกัน

 

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้สร้างชื่อให้ “อ.เจ จักรรินทร์” อย่างมาก ซึ่งเจ้าตัวยังออกมาพูดถึงเรื่องของ “แตงโม” อยู่เป็นระยะ แต่เรื่องทั้งหมด ล้วนต้องใช้วิจารณญาณส่วนบุคคล เหมือนกับคำพูดของ “หมอปลาย พรายกระซิบ” และ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” ที่มักจะออกพูดเชิงนิทานให้ต้องตามแกะรอยเป็นระยะ

ส่วนบรรดาผู้รู้ “วงใน” ที่เห็นได้ชัดๆ ประกอบด้วย “สันธนะ ประยูรรัตน์” อดีตนายตำรวจสันติบาล ผู้กว้างขวางในหลากหลายวงการ ที่ก่อนหน้านี้ออกมาฟังธงแบบดังๆ ว่า คดีนี้ไม่ใช่ “อุบัติเหตุ” แต่เป็น “ฆาตกรรม” ก่อนบอกว่า ช่วงเกิดเหตุมี “บิ๊กมีสี” กำลังนั่งรอผู้ตายอยู่ที่โรงแรม แต่เสียงของเจ้าตัวดังอยู่ได้ไม่กี่วัน และค่อยๆ เงียบหายไป

 

จนเมื่อวานนี้ (23 มี.ค.) “สันธนะ” โผล่เข้าพบตำรวจอีกครั้ง พร้อมมอบหลักฐานที่อ้างว่า เป็นคลิปเสียงพนักงานจากโรงแรมหรู ที่มีข้าราชการระดับสูงรอ “แตงโม” ในวันเกิดเหตุ 

ขณะที่ “หมอของขวัญ” แพทย์ผู้เชี่ยวชาญศาสตร์การแพทย์ความงาม ที่มักจะออกมาให้ข้อมูลที่อ้างว่าเป็น “เชิงลึก” อยู่บ่อยครั้ง แต่เหมือนคนในโซเชียลจะไม่ค่อยเห็นพ้องไปด้วยก็ตาม

 

แต่บุคคลที่เป็นไฮไลท์ตลอดช่วง 2 สัปดาห์หลัง คงหนีไม่พ้น “พี่เต้” มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ที่ตระเวนตามหากล้องวงจรปิดเกือบทุกมุมที่เรือของ “แตงโม” แล่นผ่าน พร้อมกับลีลาให้สัมภาษณ์ที่ชวนสงสัยว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่

เมื่อมีตัวละครอย่าง “พี่เต้” แล้ว ก็ต้องมีชายที่ชื่อ “สิระ เจนจาคะ” อดีต ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ โผล่เข้ามาร่วมซีนด้วย แต่เจ้าตัวไม่ได้มาในฐานะ “ผู้รู้” ในคดีเหมือนท่านอื่นๆ แต่มาเพื่อปะฉะดะ “พี่เต้” เป็นการเฉพาะ

 

จากคดีการตายของ “แตงโม” ลามเป็นคดีอะไรอีกบ้าง?

 

ต้องยอมรับว่า คดีการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของดาราสาวท่านนี้ นอกจากการสืบสวนจะดำเนินไปในแนวเส้นตรง เพื่อหาเหตุแห่งการตายแล้ว ยังมีบางประเด็นที่แตกแยกย่อย จนเป็นคดีความอื่นๆ อยู่ในเวลานี้

เริ่มจากกรณีที่ “พี่เต้ มงคลกิตติ์” เผยแพร่หลักฐานวงจรปิดบริเวณประตูน้ำปากคลองบางกรวย ติดกับวัดลุ่มคงคาราม อ.บางกรวย จ.นนทบุรี โดยในภาพจะเห็นวัตถุปริศนาบางอย่าง ลอยทวนน้ำ ก่อนจะมีเรือหาปลาพายเข้าไปใกล้ แต่กลับไม่มีการช่วยเหลือ

 

ซึ่งการแถลงข่าว “พี่เต้ มงคลกิตติ์” มีการสันนิษฐานว่า วัตถุปริศนาดังกล่าว คือ “แตงโม” ที่กำลังว่ายน้ำขอความช่วยเหลือ ส่งผลให้ “ลุงนิต” วินิต ตรีปัญญา คนหาปลากในคลิป ได้รับความเสียหาย ซึ่งเจ้าตัวยืนยันว่า ตัดสินใจจะดำเนินคดีกับอีกฝ่าย ฐานหมิ่นประมาททำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง

 

แต่เหมือนจะไม่จบแค่นั้น เมื่อทาง “สิระ” เดินทางเข้าพบตำรวจ สภ.เมืองนนทบุรี เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ “พี่เต้ มงคลกิตติ์” ข้อหาให้ข้อมูลอันเท็จอีก 1 คดี จากกรณีปล่อยคลิปวงจรปิดล่าสุด หลังจาก “ลุงนิต” ยืนยันว่าเป็นแค่ขอนไม้ ไม่ใช่ “แตงโม” ว่ายน้ำขอความช่วยเหลือ ตามคำกล่าวอ้างของหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์

 

ทำให้ล่าสุด "พี่เต้ มงคลกิตติ์" ประกาศผ่านหน้าเฟซบุ๊กว่า "ขอจบหน้าที่ชั่วคราว" เพื่อขอกลับไปทำหน้าที่ผู้แทนของประชาชนตามเดิม แต่ถ้ามีเหตุไม่ชอบมาพากลในคดี "แตงโม" จะกลับมาเกาะติดตามเดิม

ปิดท้ายที่ “หลวงพี่อุเทน” เจ้าอาวาสวัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร วัดดังที่มีสาวกทั่วประเทศติดสติกเกอร์อยู่ท้ายรถ ก็ถึงคราวพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก ภายหลังพลิกตำราอนุญาตให้ “ปอ-โรเบิร์ต” สองผู้ต้องหาในคดีนี้ บวชเป็น “โยคีพราหมณ์” ที่ธรรมสถานวิโมกสิวาลัย หรือมูลนิธิชยันโต โพธิธรรมรังสี ต.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี สถานปฎิบัติธรรมสาขาของวัดท่าไม้

 

เพราะนอกจากตัว “หลวงพี่อุเทน” จะถูกนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นเรื่องให้มหาเถรสมาคมตรวจสอบกรณีปล่อยให้ “ปอ-โรเบิร์ต” เป็นการเลี่ยงบาลี และทำผิดวินัยสงฆ์หรือไม่

อีกหนึ่งเรื่องที่น่าหนักใจ เมื่อนายประภาศ คงเอียด อธิบดีกรมธนารักษ์ ลงตรวจสอบธรรมสถานวิโมกสิวาลัย ต.สวนผึ้ง ที่มีเนื้อที่ 70 ไร่ ก่อนพบว่า มีเนื้อที่ 38 ไร่เป็นการบุกรุก โดยพบว่าช่วงที่ผ่านมาดำเนินการไม่ถูกต้อง โดยแจ้งต่อพลพัฒนาที่ 1 หน่วยงานที่ดูแลพื้นที่ว่า จะจัดตั้งเป็นวัด ซึ่งสามารถใช้พื้นที่ได้โดยไม่ต้องเช่า แต่กลับปล่อยเวลาล่วงเลยมา และเพิ่งขอจัดตั้งเป็นมูลนิธิแทน ที่ต้องมีการจ่ายค่าเช่าพื้น

 

โดยนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง ให้ความเห็นว่า หากสถานที่ปฏิบัติธรรมยังไม่มีการทำสัญญาเช่ากับกรมธนารักษ์ ถือเป็นความผิดฐานบุกรุก และถ้ามีการก่อสร้างในที่ดินโดยไม่ได้รับอนุญาต กรมธนารักษ์มีสิทธิ์ขับไล่ หรือมีคำสั่งให้รื้อถอนได้ทันที