
ประกาศ กคพ.หรือ กรรมการคดีพิเศษ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการร้อขอและเสนอให้ กคพ. มีมติให้คดีความผิดทางอาญาใด เป็นคดีพิเศษ พ.ศ.2561 อาศัยอำนาจ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 ให้มีความรวดเร็ว มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพ
โดยประกาศฉบับนี้ มีการยกเลิก ประกาศ กคพ.หลักเกณฑ์และวิธีการฯฉบับเก่า ตั้งแต่ปี 2547, 2556, 2559 แล้วมอบหมายให้ อธิบดีฯ เป็นผู้รักษาการตามประกาศนี้ และมีอำนาจวางระเบียบแนวทางการปฏิบัติแบบรายงาน รวมถึงวินิจฉัยชี้ขาด อันเกิดจากการปฏิบัติตามประกาศนี้
ทั้งนี้ เนื้อหา ตามประกาศฉบับล่าสุด ได้กำหนดให้มี “คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง” ซึ่งเป็นคณะทำงาน ที่คณะกรรมการคดีพิเศษ แต่งตั้ง เพื่อทำหน้าที่พิจารณากลั่นกรอง คำร้องขอที่ ดีเอสไอ รับไว้ดำเนินการและเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ เกี่ยวกับการมีมติให้คดีความผิดทางอาญา เป็นคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547
โดยในคำร้อง ระบุอย่างน้อยต้องมีรายละเอียด ชื่อนามสกุล ที่อยู่ของผู้ร้องขอที่สามารถติดต่อได้ มีข้อเท็จจริงเกี่ยวกับพฤติการณ์ วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ ความเสียหาย หรืออาจมีชื่อผู้กระทำผิด รวมถึงระบุถึงเหตุผลที่ร้องขอให้รับเป็นคดีพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ พร้อมรับรองความถูกต้องของข้อมูล ทั้งยังระบุไว้ว่า ข้อบกพร่องเล็กน้อย หากพิจารณาพอจะเข้าใจเนื้อเรื่องโดยรวมแล้วก็ไม่ให้ถือเป็นเหตุที่จะไม่รับไว้พิจารณา
การเสนออาจเป็นระดับหน่วยงานก็ได้
โดยเมื่อ ดีเอสไอ รับคำร้องไว้แล้ว ให้ส่งเรื่องไปยัง “คณะอนุกรรมการกลั่นกรอง ” ซึ่งจะมีสมาชิกที่มีความเชี่ยวชาญรวมตัวกันเป็นคณะทำงาน 4 ด้าน
1.ด้านอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ
2.ด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศและทรัพย์สิน ทางปัญญา
3.ด้านการคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม
4.ด้านอาชญากรรมระหว่างประเทศและอาชญากรรมพิเศษ
โดยคณะอนุกรรมการฯ เหล่านี้ มีอํานาจพิจารณาเรื่อง ทั้งอํานาจเรียกสํานวนการสืบสวน การตรวจสอบสํานวน หรือเรียกพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง จาก ดีเอสไอ มาเพื่อประกอบการพิจารณาให้ได้ข้อเท็จจริง รวมทั้งมีอํานาจเชิญผู้สืบสวน ผู้ตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือผู้เกี่ยวข้องของ ดีเอสไอ เข้าชี้แจง จนได้ข้อสรุปข้อมูล จึงเสนอต่อคณะกรรมการคดีพิเศษ ลงมติแล้วให้ ดีเอสไอ แจ้งผลพิจารณาให้ผู้ร้องขอ ทราบพร้อมเหตุผล ภายใน 15 วัน
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง : ประกาศ กคพ.(ฉบับเต็ม) - กรมสอบสวนคดีพิเศษ
การเสนอแนะของคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ซึ่งคดีดังกล่าวต้องมีลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
1.คดีความผิดทางอาญาที่มีความซับซ้อน จำเป็นต้องใช้วิธีการสืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเป็นพิเศษ
2.คดีความผิดทางอาญาที่มีหรืออาจมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนความมั่งคงของประเทศความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือระบบเศรษฐกิจหรือการคลังของประเทศ
3.คดีความผิดทางอาญาทีมีลักษณะเป็นคดีความผิดข้ามชาติที่สำคัญหรือเป็นการกระทำขององค์กรอาชญากรรม
4.คดีความผิดทางอาญาที่มีผู้ทรงอิทธิพลที่สำคัญเป็นตัวการผู้ใช้หรือผู้สนับสนุน
5.คดีความผิดทางอาญาที่มีพนักงานฝ่ายปกครองชั้นผู้ใหญ่หรือตำรวจชั้นผู้ใหญ่ซึ่งมิใชพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ
ลิงค์ที่น่าสนใจ: ข้อพิจารณาหลักเกณฑ์ในการกำหนด คดีความผิดทางอาญาเพื่อให้เป็นคดีพิเศษ