อีรินา เวเรสชัค รองนายกรัฐมนตรียูเครน ประกาศอย่างชัดเจนเมื่อวันอาทิตย์ว่า "ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีการยอมแพ้ วางอาวุธ" และยูเครนบอกเรื่องนี้กับฝ่ายรัสเซียแล้ว
คำแถลงของเธอมีขึ้นหลังจากพลเอกอาวุโส มิคาอิล มิซินท์ซอฟ ผู้อำนวยการศูนย์บริหารการป้องกันประเทศของรัสเซีย ยื่นคำขาด ให้ชาวยูเครนวางอาวุธในเมืองมาริอูโปลก่อนเวลา 5.00 น. ของวันที่ 21 มี.ค.หรือ 9.00 น.ตามเวลาไทย และระบุว่า หายนะด้านมนุษยธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว คนที่วางอาวุธจะได้รับประกันความปลอดภัยในการอพยพออกจากเมืองมาริอูโปล โดยจะเปิดเส้นทางด้านมนุษยธรรมจากเมืองมาริอูโปลไปยังตะวันออกและตะวันตกตั้งแต่เวลา 10.00 น. ตามเวลารัสเซียหรือ 14.00 น.ตามเวลาไทย
นอกจากนี้เขายังกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่า กองโจร พวกชาตินิยม หรือ นีโอนาซีของยูเครน ก่อการร้ายครั้งใหญ่ด้วยการไล่เข่นฆ่าผู้คนในเมือง และยืนยันว่า รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธหนักในมาริอูโปล รวมทั้งอพยพประชาชน 59,304 คนออกนอกเมือง แต่ยังมี 130,000 คนตกเป็นตัวประกันในเมือง นอกจากนี้รัสเซียจัดการอพยพประชาชนรวม 330,686 คนออกจากยูเครนนับตั้งแต่เริ่มใช้ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ.
แต่มีรายงานว่า รัสเซียทิ้งระเบิดใส่โรงเรียนสอนศิลปะ ซึ่งใช้เป็นสถานที่หลบภัยของเด็กผู้หญิง และผู้สูงอายุมากกว่า 400 คนในเมืองมาริอูโปลเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากเพิ่งทิ้งระเบิดใส่โรงละคร ที่มีประชาชนมากกว่า 1,000 คนเข้าไปหลบภัยในมาริอูโปลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีของยูเครน กล่าวเมื่อวันเสาร์ว่า การก่อการร้ายในมาริอูโปลจะได้รับการจดจำไปนานหลายร้อยปี และรัสเซียต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงครามที่เกิดขึ้น
เมืองมาริอูโปล ซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญทางยุทธศาสตร์ทางตอนใต้ของยูเครน ถูกทหารรัสเซียปิดล้อมตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. มีบ้านเรือนราว 80% ได้รับความเสียหาย ประชาชนกว่า 3 แสนคนยังคงติดอยู่ในเมืองในสภาพขาดแคลนทั้งไฟฟ้า ก๊าซ น้ำ อาหารและยา และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 2,400 ราย