เซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย แถลงเมื่อวันเสาร์ว่า ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครนได้เสนอเจรจา และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ก็ตกลงและการเจรจาของสองฝ่ายก็เริ่มขึ้น แต่มีบางคน ซึ่งหลัก ๆ คือ สหรัฐฯ ที่บีบผู้แทนเจรจาของยูเครนไม่ให้ยอมรับข้อเรียกร้องของรัสเซีย
ที่ผ่านมารัสเซียยื่นเงื่อนไข 4 ข้อเพื่อแลกกับการยุติสงคราม คือ ยูเครนยุติปฏิบัติการทางทหาร ประกาศสถานะชาติเป็นกลางโดยไม่เข้าเป็นสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ยอมรับว่าไครเมียเป็นอาณาเขตของรัสเซีย และยอมรับว่าสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์และสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสก์เป็นรัฐเอกราช
อย่างไรก็ตามลาฟรอฟแสดงความคาดหวังว่า ปฏิบัติการทางทหารในยูเครนจะสิ้นสุดลงด้วยการลงนามข้อตกลงที่ครอบคลุมทุกประเด็นเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งรวมถึง สถานะชาติเป็นกลางของยูเครน ที่ควบคู่กับหลักประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครน และรัสเซียพร้อมหาแนวทางเรื่องหลักประกันความมั่นคงแก่ยูเครน โดยไม่จำเป็นต้องมีการขยายสมาชิกของนาโต
แต่ปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในยูเครนยกระดับสูงขึ้นเมื่อวันเสาร์ โดยรัสเซีย ยืนยันว่า กองทัพใช้ขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิก หรือ ขีปนาวุธเร็วเหนือเสียง ที่มีชื่อว่า "คินซาล" ทำลายคลังแสงใต้ดินที่เก็บขีปนาวุธและระบบต่อต้านอากาศยานในภูมิภาค อิวาโน-ฟรานคีฟสก์ นับเป็นครั้งแรกที่กองทัพรัสเซีย ยืนยันใช้อาวุธชนิดนี้ในการโจมตีเป้าหมาย หลังจากเปิดตัวขีปนาวุธรุ่นนี้ครั้งแรกเมื่อเดือน มี.ค. 2561
ขณะที่โอเลกซี ดานิลอฟ เลขาธิการสหภาพความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติยูเครน เปิดเยผว่า ยูเครนกำลังจะได้รับมอบอาวุธยุทโธปกรณ์ล็อตใหม่จากสหรัฐฯ ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ซึ่งรวมถึง ขีปนาวุธ จาเวลิน และ สติงเกอร์