svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ต่างประเทศ

ชาวยูเครน 1.7 ล้านคนหนีทะลักเข้าชาติเพื่อนบ้าน

08 มีนาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

เกิดวิกฤตการอพยพครั้งใหม่ในยุโรป เมื่อประชาชนมากกว่า 1 ล้าน 7 แสนคน พากันอพยพหนีภัยสงครามจากยูเครนไปยังประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้เกิดภาพอันน่าหดหู่ของฝูงชนหลายหมื่นคนแอัดกันอยู่ที่ชานชาลาสถานีรถไฟเพื่อรออพยพออกนอกเมือง

สงครามในยูเครนทำให้มีประชาชนมากกว่า 1,700,000 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงกับเด็ก ตกอยู่ในสภาพบ้านแตกสาแหรกขาด ต้องพากันอพยพหนีภัยสงครามออกจากยูเครน ไปยังประเทศเพื่อนบ้านในยุโรป ซึ่งประกอบด้วย 

โปแลนด์                    1,000,000                        
ฮังการี                         180,000 
สโลวาเกีย                    128,000
มอลโดวา                        83,000
โรมาเนีย                         79,000
ประเทศอื่นๆ                  183,000      
รัสเซีย                             53,000
เบลารุส                                406        

 

ผู้อพยพร่ำลากันที่สถานีรถไฟในเมืองลวิฟของยูเครนเพื่อรอขึ้นรถไฟไปโปแลนด์

 

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีภาพเหตุการณ์ที่น่าสลดใจที่ชานชาลาของสถานีรถไฟในเมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน ที่ถูกรัสเซียถล่มอย่างหนัก เราจะเห็นว่าทุกตารางนิ้วของชานชาลาถูกจับจองโดยผู้ที่ต้องการหนีออกจากสมรภูมิสงครามและทำให้สถานีรถไฟกลายสภาพไม่ต่างจาก "ทะเลมนุษย์" ที่มีคนจำนวนมหาศาล มาเป็นครอบครัว, แม่กับลูกๆ, คนหนุ่มสาวและคนชรา แออัดกันที่ชานชาลา ทำให้ขบวนรถไฟขนาด 10 ตู้โดยสาร ต้องให้บริการอย่างไม่หยุดหย่อน 

 

 


ขณะที่รัสเซียเปิดเส้นทางมนุษยธรรมเพื่อการอพยพ (humanitarian corridors) เป็นครั้งที่ 3 แต่ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะเป็นการเปิดเส้นทางให้อพยพไปที่รัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศที่เปิดสงครามกับยูเครน และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังความตายของผู้คนและการทำลายล้างทั้งหมด ซึ่งยูเครนมองว่า นี่เป็นการกระที่ไร้ศีลธรรม และยอมรับไม่ได้ ส่วนเจมส์ คลีฟเวอร์ลีย์ รัฐมนตรีกระทรวงยุโรปของอังกฤษ ก็บอกเหมือนกันว่า นี่เป็นการกระทำที่ไร้สาระ 

 

รัสเซียได้เสนอ 6 เส้นทาง ที่เปิดให้พลเรือนใช้เป็นทางออกจากเมืองมาริอูโปล, คาร์คีฟ
ซูมีและกรุงเคียฟ แต่มีรายงานว่า เส้นทางที่ปลอดภัยในการออกจากเมืองมาริอูโปล ต้องฝ่า "ดงทุ่นระเบิด" อีกทั้งเมืองเหล่านี้ ก็ยังถูกระดมโจมตีด้วยจรวดอย่างไม่หยุดหย่อน การสู้รบก็ยังคงดุเดือด และผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งต้องอาศัยสะพานข้ามแม่น้ำที่โงนเงน หลังจากสะพานหลักหลายแห่ง ถูกทหารยูเครนระเบิดทิ้ง เพื่อชะลอการบุกของทหารรัสเซียไม่ให้บุกเข้ามาในเมือง แต่ในทางตรงกันข้ามก็ทำให้ประชาชนเดินทางออกนอกเมืองได้ลำบากขึ้น 


 

ชาวยูเครนข้ามสะพานที่ถูกยิงถล่มเสียหายขณะพยายามออกจากเมืองเออร์ปินในแคว้นเคียฟ

 

 

 


กาชาดสากลระบุว่า ทั้งสองฝ่ายขาดการทำข้อตกลงที่เข้าใจกันในเรื่องของเวลาการเปิดเส้นทางอพยพ ว่าเมื่อใดที่ผู้คนสามารถออกไปได้ และต้องใช้เส้นทางไหนบ้างที่ไม่มีการโจมตี ซึ่งผู้อพยพยังไม่มั่นใจในรายละเอียดของข้อตกลงหยุดยิงชั่วคราว ที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงแค่หลักการ เพราะหลายพื้นที่ที่ควรจะเป็นเส้นทางของผู้อพยพยังคงมีการสู้รบเกิดขึ้น

 

ผู้อพยพชาวยูเครนเดินไปรอขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หลังจากข้ามพรมแดนไปถึงสโลวาเกีย

 

 

logoline