กระทรวงต่างประเทศอินเดีย ยืนยันว่า มีนักศึกษาชาวอินเดียเกือบ 700 คนไม่สามารถอพยพออกจากเมืองซูมีได้เพราะยังมีการโจมตีอย่างหนักจากกองทัพรัสเซีย และเรียกร้องให้ยูเครนและรัสเซียหยุดยิงในเมืองซูมีเพื่อให้สามารถอพยพนักศึกษาออกจากพื้นที่สู้รบ
นักศึกษาชายชาวอินเดียคนหนึ่งโพสคลิปวิดีโอเมื่อวันที่ 4 มี.ค. ร้องขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี และรัฐบาล โดยเล่าว่า การออกจากหอพักของมหาวิทยาลัยเป็นไปได้ยากเพราะมีสไนเปอร์อยู่ข้างนอกเต็มไหมด ทุก 30 นาที-1 ชม.จะได้ยินเสียงยิงปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศ และด้านนอกยังอากาศหนาวมากมีอุณหภูมิต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส พร้อมทั้งบอกว่า "พวกเรากลัวว่าจะตายที่นี่ เราจะตายหากออกไป โปรดช่วยเราด้วย"
นอกจากนี้นักศึกษาหญิงอีกคนที่โพสคลิปในวันเดียวกัน เล่าว่า "มีเสียงขีปนาวุธหรือระเบิดตั้งแต่ 5.00 น. ได้ยินเสียงการยิงต่อสู้บนท้องถนน และทุกคนวิ่งหลบเข้าบังเกอร์ และมีเสียงระเบิดดังอีกในเวลา 10.00 น. เราทุกคนกลัวและเสียขวัญ"
ทั้งเมืองไม่มีน้ำใช้มานาน 3 วันแล้วทำให้นักศึกษาต้องละลายหิมะเพื่อใช้ดื่มและปรุงอาหาร
เมืองซูมีอยู่ห่างจากพรมแดนรัสเซีย 48 กม.และเป็นหนึ่งในเมืองแรก ๆ ที่ถูกโจมตีจากกองทัพรัสเซีย หลังประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินสั่งใช้ปฏิบัติการทางทหารต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 ก.พ. การสู้รบส่วนใหญ่อยู่แถบชานเมือง แต่มีความวิตกว่าทหารอาจรุกคืบเข้าสู่ตัวเมืองในไม่ช้า
นอกจากนักศึกษาชาวอินเดียแล้ว ยังมีนักศึกษาชาวไนจีเรียอีกเกือบ 400 คนในเมืองซูมี โดยเป็นนักศึกษาต่างชาติกลุ่มใหญ่อันดับ 2 ในเมืองนี้รองจากอินเดีย นอกจากนี้ยังมีนักศึกษาจากกานา, รวันดา, เติร์กเมนิสถาน, จอร์แดน และปาเลสไตน์
ในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีนักศึกษาอินเดียมากกว่า 10,000 คนอพยพออกจากยูเครน รวมถึงจากเมืองคาร์คีฟ โดยก่อนเกิดการสู้รบ มีนักศึกษาอินเดียมากถึงเกือบ 1 ใน 4 หรือมากที่สุดจากจำนวนนักศึกษาชาวต่างชาติราว 76,000 คนในยูเครน