เมื่อวันที่ 1 มี.ค.65 นส.นภาพร เพ็ชร์จินดา ส.ส.บัญชีรายชื่อเเละรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า หลังจากที่มีพระราชกฤษฎีกาปิดสมัยประชุมฯในวันนี้ตนในฐานะประธานภาคกทม. พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค ลงพื้นที่เขตปทุมวัน กทม.(ชุมชนหลังวัดปทุมวนาราม) เเละจะไปพบประชาชนในหลายพื้นที่ตามลำดับ เพื่อไปพบประชาชน มอบปัจจัยเบื้องต้นของพรรคในการดำรงชีวิต ,รับฟังปัญหาของเเต่ละครอบครัวที่พบเจอจากการบริหารงานของรัฐบาลชุดนี้ เพื่อนำไปเป็นข้อมูลประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงไปช่วยเหลือโดยทันทีเเละบางส่วนจะนำไปประกอบการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวาระที่จะถึงเพื่อสะท้อนว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สมควรทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีอีกต่อไป
ประธานภาค กทม.พรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า เสียงสะท้อนที่รับฟังตอนนี้พบว่าประชาชนลำบาก รายได้ลดไปมาก บางรายไม่มีงานทำเพราะเอกชนเลิกจ้าง น้องๆนักศึกษาที่จบการศึกษามาหลายปีก็ยังว่างงาน ปัญหาโควิด ที่ยังไม่หยุดการระบาด ผู้ป่วยเพิ่มทุกวัน
วันนี้ยอด 20,420 ราย เเละมีเเนวโน้มเพิ่มทุกวัน ดังนั้นงบประมาณจากภาษีชาวบ้านโดนรัฐบาลใช้ไปเเบบไม่รู้ร้อนรู้หนาวเเละไร้ผล น้ำมัน เเละราคาสินค้าเเพง บวกกับสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ส่งผลกระทบทั้งโลกเเละจะมีผลกระทบตามมาอีกระลอกใหญ่ ซึ่งไทยจะเลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนมองไม่ออกว่า พลเอกประยุทธ์มีเเผน รองรับไว้อย่างไรบ้าง เพื่อไม่ให้คนไทยเดือดร้อนกว่าปัจจุบัน
นส.นภาพร กล่าวว่า ตอนนี้ไปตรงไหนก็เจอเเต่คน"จน-เจ็บ-จบ" คือ" จนโอกาส เจ็บปวดกับร่างกาย เเละบางรายจบชีวิต " ซึ่งไม่ใช่" เจอ จ่าย จบ" เเบบที่สังคมรับรู้ในตอนนี้ ดังนั้นตนเเละสมาชิกพรรค ได้ให้กำลังใจทุกคน ให้อดทน เเละนำปัญหาต่างๆไปช่วยเร่งแก้ไขกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เร็วที่สุด
"ขอให้ประชาชนพิจารณาว่ารัฐบาลนี้สอบผ่านหรือไม่ สามปีหลังเลือกตั้ง ที่พลเอกประยุทธ์ทำงานมานั้น ประชาชนได้อะไรบ้างนอกจากความลำบาก เเบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน ควรให้โอกาสพลเอกประยุทธ์อีกหรือไม่ ตนเเละพรรคเสรีรวมไทย พร้อมที่จะร่วมกับทุกคนเข้ามาทำงาน เเทนพลเอกประยุทธ์ ไม่ควรให้เวลา พลเอก ประยุทธ์ ต่อไปอีกเเล้ว"