"คำรณวิทย์" สงสัยบาดแผล "แตงโม" โดนใบพัดหรือไม่-พิรุธกลับบ้านตั้งหลัก

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และอดีต ผบช.น.แสดงความเห็นถึงคดีการเสียชีวิตของ “แตงโม นิดา” ดาราสาวชื่อดัง หลังพลัดตกเรือจมน้ำเมื่อช่วงค่ำวันที่ 24 ก.พ.ก่อนเจอร่างลอยขึ้นมาในวันที่ 26 ก.พ.ว่า อยากแนะนำตำรวจให้ไปเอาข้อมูลที่ร้านบ้านตานิต ทั้งเวลาที่กลุ่มเพื่อนๆ เดินทางไปถึงร้าน , กินเมนูอะไรบ้าง , มีดื่มแอลกอฮอล์หรือไม่ , กินตั้งแต่กี่โมง แล้วกลับออกไปกี่โมง , ที่ร้านมีกล้องวงจรปิดหรือไม่

“ทั้งนี้แต่เท่าที่ทราบ มีคนเห็นว่าเรือลำนี้วิ่งมาบ่อย แล้วจะกลับตอนกลางคืน โดยชอบขับด้วยความเร็ว ส่วนเรื่องการเข้าทำธุระในห้องน้ำ เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ที่ก่อนลงเรือทุกคนจะเข้าห้องน้ำก่อน ผมก็ได้แต่ติดตามตามข่าวที่นำเสนอ ตามที่มีการให้ปากคำว่า ผู้เสียชีวิตไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ มันฟังไม่ได้ ผมมองว่ามันผิดข้อเท็จจริงไปหน่อย เพราะจากร้านอาหารเรือ วิ่งไปจนถึงจุดที่เกิดเหตุใช้เวลาไม่น่าจะถึง 1 ชั่วโมง”

ส่วนผลชันสูตรเบื้องต้นออกมามีบาดแผลลึกที่ต้นขา ที่คาดว่าถูกของมีคม หากบาดแผลมีลักษณะเรียบเป็นทางยาว แล้วอ้างว่าโดนใบพัดเรือ หรือโดนใบจักรหมุนบาดแผล จะเรียบเป็นทางยาวไม่ได้ จึงฝากให้พิจารณาให้ดี

“จากผลชันสูตรพลิกศพพบว่าในปอดมีทรายและดิน คาดว่าจุดที่ตกเรือต้องไม่ใช่จุดที่น้ำลึก และไม่ถึง 5 เมตรแน่นอน เพราะว่าคนที่ดำน้ำ เราต้องหายใจให้เต็มปอด แล้วดำลงไปกลั้นให้นานที่สุด จากนั้นค่อยขึ้นมา แต่น้องที่เขาตกน้ำ เขาคงไม่มีโอกาสกลั้นหายใจก่อน อยู่ๆ เขาก็ตกเลย จากนั้นจมลงน้ำจนไปถึงดินเลย เมื่อสูดหายใจเจอทรายเจอดินถึงเข้าไปถึงปอดได้จนสิ้นใจ”

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวถึงกรณีผู้ตายใส่บอดี้สูทว่า สภาพบอดี้สูทอยู่อย่างไร อยู่ในสภาพที่ปกติหรือเปล่า อย่าว่าแต่ผู้หญิงเลย เป็นผู้ชายต้องไปยืนปัสสาวะท้ายเรือ ขณะที่เรือวิ่ง ยังทำแทบไม่ได้ ซึ่งการตรวจพิสูจน์ทราบขอให้มีการตรวจตรงไปตรงมา

“ถ้าผมเป็นคนขับเรือ แล้วมีคนที่ไปกับผมตกเรือ ผมต้องหาจนเจอ แต่ไม่ใช่ผมกลับไปตั้งหลัก แล้วค่อยกลับมาให้การกับเจ้าหน้าที่ มันอาจดูมีพิรุธ ในคดีที่ผมเคยทำ คนที่ไม่ยอมอยู่พบเจ้าหน้าที่นั้น ให้สันนิฐานไว้ก่อนว่า อาจจะมีการไปตั้งหลัก เตรียมกันในการให้ปากคำ หรือหลบไป เพราะไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจว่าเมา ใครก็ตามเมื่อมีคนตกเรือ เราจะต้องหยุดเรือและทำทุกทางเพื่อตามหา ทุกคนที่ไปด้วยกัน ต้องมีสามัญสำนึกเอาเรื่องจริงออกมา”