สมหวังเสียทีสำหรับ "สายเขียว" ที่ตีหลุม รอปลูกกัญชาในบ้านอย่างเปิดเผย หลังวันนี้ (8 ก.พ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ได้ลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลด "กัญชา" ออกจากยาเสพติดประเภท 5 (อ่านรายละเอียด) ซึ่งนั่นเท่ากับหมายความว่า ต่อไปจากนี้ "กัญชา" จะไม่ใช่ "ยาเสพติด" อีกต่อไป โดยประชาชนสามารถปลูกได้อย่าง "เสรี" ไม่จำกัดจำนวน
แต่เดี๋ยวช้าก่อน แม้กัญชาจะถูกปลดพ้นบัญชียาเสพติดแล้ว แต่ก็ยังมีกฎหมายที่เกี่ยวข้องควบคุมอยู่ แม้จะอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปสามารถปลูกได้ไม่จำกัด จะต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมายอยู่ดี เพื่อป้องกันการสุ่มตรวจจากเจ้าหน้าที่
เนชั่นออนไลน์ได้สรุปขั้นตอนการปลูกกัญชาอย่างถูกกฎหมายมาให้ประชาชนสายเขียวที่สนใจจะปลูกภายในบ้านดังนี้
1. ต้องรอให้ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับนี้มีผลบังคับใช้เสียก่อน
ประกาศกระทรวงสาธารณสุข ปลดกัญชาจากยาเสพติด ประเภทจะมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายก็ต่อเมื่อ มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปแล้ว 120 วัน สมมติ มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาพรุ่งนี้ ก็นับไปอีก 121 วัน ประกาศฉบับนี้จึงจะมีผลบังคับใช้
2. จะต้องขออนุญาตปลูกจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ประชาชนที่จะปลูกกัญชาภายในบ้าน จะต้องมีการจดแจ้ง เพื่อแสดงความจำนงว่า มีการปลูกกัญชาในจำนวนเท่าไหร่ ปลูกที่ไหน โดยแจ้งต่อสาธารณสุขจังหวัด เพื่อขอนุญาตจาก อย.
3. การสกัด-แปรรูป
ต้องได้รับอนุญาตจาก อย.
4. การขาย ส่งออก นำเข้า
ต้องขออนุญาตจาก อย.
5.การโฆษณา
ห้ามไม่ให้มีการโฆษณา เว้นแต่ได้รับอนุญาตจาก อย.
6. การนำไปใช้ยังต้องเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การใช้เพื่อตัวเอง เท่านั้น
แม้จะมีการปลดล็อกกัญชาและกัญชง แต่ต้องไม่ลืมว่า ยังมีกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องควบคุมอยู่ ดังนั้นการนำมาใช้ ก็ยังคงเพื่อวัตถุประสงค์เดิมคือ "เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การใช้เพื่อตัวเอง หรือ การต่อยอดสร้างรายได้" ห้ามขายกัญชา กัญชง เพื่อการนำไปบริโภค กิน เคี้ยว ดื่ม อม หรือนำเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าด้วยวิธีใด ๆ แก่บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร และบุคคลตามที่ รมว.สาธารณสุข ประกาศกำหนด อาจหมายรวมถึงการใช้เพื่อ "นันทนาการ" หรือ "การเสพด้วย"
7. ปริมาณการใช้สารสกัด THC ในกัญชาที่อนุญาตให้ใช้
ส่วนที่เป็นสารสกัดกัญชา THC หากเกิน 0.2 คือ ยาเสพติด และจะต้องถูกบังคับใช้ตามกฎหมาย แต่หากสารสกัดกัญชาไม่เกิน 0.2 สามารถนำไปใช้ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย